กรุงเทพฯ 11 ตุลาคม 2560 : นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย ให้ความสำคัญการประกาศแจ้งผลการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ ICAO ในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งมีทิศทางไปในเชิงบวก และจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยว
รวมถึงการซื้อเก็งกำไรดักผลประกอบการของบจ.ในช่วงไตรมาส 3 และการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้มากขึ้นหลังสหรัฐฯ ผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2018 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องยังคงมาจากความน่าจะเป็นในการปรับเพิ่มดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมระหว่าง 12 – 13 ธันวาคม เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 87% ประกอบกับคาดถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ต.ค. อาจมีการส่งสัญญาณการลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตร และ Fund Flow มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติ Net Buy ลดเหลือ 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่วันที่ 11 – 20 ต.ค.หุ้นกลุ่มธนาคารทยอยส่งงบการไตรมาส 3/2560 คาดกลุ่มเช่าซื้อจะมีผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนธนาคารขนาดใหญ่มีปัจจัยกดดันจาก NPL ในวันที่ 12 ต.ค. 60 กำหนดประชุมรมว.คลังกลุ่ม G20
คาดว่าจะมีการหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ FED และ ECB เริ่มปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ และกลางเดือนต.ค. คาดการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะหารือเรื่องการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) เสรีอีกครั้ง
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากแรงซื้อดักผลประกอบการ Q3/2560 ที่กำลังจะทยอยประกาศตั้งแต่กลางเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ชะลอตัวลง รวมถึงภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,670 – 1,700 จุด
ทั้งนี้ แนะนำ หุ้นกลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP ที่คาดว่ากำไร Q3/2560 มีแนวโน้มเติบโตจากค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 3 รวมถึงกลุ่มเดินเรือ TTA PSL RCL อานิสงส์จากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า จุดสนใจหลักเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสงครามยังคงอยู่ที่คาบสมุทรเกาหลี แต่การโต้วิวาทะไปมาระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือนั้น ยังไม่เห็นความคืบหน้าว่าจะเกิดการใช้กำลังทหารเข้าปะทะ ทำให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัยเพียงระยะสั้นเท่านั้น
โดยนักลงทุนในสหรัฐฯกำลังเฝ้าติดตามผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับพอร์ตสินทรัพย์และค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น ทิศทางค่าเงินสกุลหลักอาจลดความผันผวนลงชั่วคราว ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มจะแกว่งแคบลงด้วย
อย่างไรก็ตาม มุมมองต่อราคาทองคำโลกในช่วงนี้ ยากที่จะกลับไปยืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ ได้ โดยในระยะสั้นนี้ ราคามีแนวโน้มจะสวิงในช่วงจำกัดระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้เน้น trading ในกรอบดังกล่าว หรือ ดัก short เพื่อเล่นในทิศทางขาลง โดยมี stop loss เมื่อยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์