WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
คนเงินเดือนน้อย ก็รวยไม่ได้…???

10 ตุลาคม 2530 : “มีเงินเขานับว่าเป็นน้อง มีทองเขานับว่าเป็นพี่” ประโยคนี้ยังคงใช้ได้ดีกับทุกยุคทุกสมัย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีเงินถุงมาแต่แรกจะมีโอกาสสร้างเงินมากมากได้เหมือนกับเขาบ้างไหม แน่นอนว่า “มี” ไม่ใช่เพียงแต่รู้จักประหยัดและอดออมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้ถึงวิธีนำเงินไปต่อเงินให้ถูกต้องด้วย และการต่อเงินที่มักจะได้ผลดี คือการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งในที่นี้หมาตถึงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกกฎหมาย ไม่นับรวมการพนันขันต่อที่ผิดกฎหมาย

และการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี คือ การลงทุนในตลาดหุ้น เพราะหากเทียบผลตอบแทนกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารช่างต่างกันลิบลับ เพราะดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันนั้นน้อยนิดมากๆ แล้วการลงทุนในหุ้นละ หลายคนคงคิดว่ามีเงินน้อยคงลงทุนลำบาก อยากเล่นหุ้น แต่ก็ไม่รู้จะเลือกหุ้นตัวไหนดี ข้อมูลก็ไม่ค่อยรู้ แถมยังไม่มีเวลาติดตามอีก กลัวหุ้นตกแล้วจะขาดทุนยับ กลับตัวไม่ทัน ทำไงดีล่ะ?

ปัญหาที่นักลงทุนมือใหม่มักกังวล ไม่ใช่ไม่มีทางออก บัญชีออมหุ้น อีกหนึ่งแนวทางการลงทุนที่มือใหม่หัดเล่นหุ้นน่าศึกษา เพราะช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุน แถมไม่ต้องจับจังหวะซื้อขายอีกด้วย และยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้ออมเงินระยะยาวได้

ว่าแต่ บัญชีออมหุ้นคืออะไร? อย่างที่รู้กันว่าเมื่อเราจะเล่นหุ้นเราต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ หรือที่เรียกว่า “โบรกเกอร์” (Broker) แล้วเราถึงสามารถซื้อขายหุ้นที่ต้องการได้เองผ่านอินเทอร์เน็ต จะซื้อจะขายกี่หุ้น วันไหนเมื่อไร ราคาเท่าไรก็ตามแต่เราต้องการ แต่ถ้าเป็นบัญชีออมหุ้น หลักการก็คือ เราต้องลงทุนทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยโบรกเกอร์จะหักเงินจากบัญชีเราทุกเดือนตามที่เราระบุไว้ว่าจะลงทุนเดือนละเท่าไร เพื่อนำไปซื้อหุ้นตัวที่เราเลือก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของบริษัทใหญ่ ๆ ที่เชื่อใจได้ในผลประกอบการ

IMG 5130

การลงทุนเฉลี่ยทุกเดือน ๆ ละเท่ากันนี้ มีชื่อเรียกว่า DCA หรือ Dollar Cost Averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้การเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ เพราะไม่ต้องคำนึงถึงภาวะตลาดและจังหวะในการเข้าซื้อ แนวคิดนี้จะทำให้เราซื้อหุ้นได้จำนวนมากขึ้นเมื่อราคาลดลง และซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลงเมื่อราคาสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของพอร์ตลดลง

บัญชีออมหุ้นเหมาะกับใคร? 1. คนที่มีเงินลงทุนน้อย แต่อยากซื้อหุ้นหลายตัว หรืออยากซื้อหุ้นของบริษัทใหญ่ที่มีราคาสูง 2. คนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกหุ้นตัวไหน เลือกอย่างไรดี 3. คนที่ไม่รู้จังหวะซื้อ-ขาย ไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวขาดทุน การเปิดบัญชีออมหุ้นจะช่วยให้เราซื้อหุ้นได้ทุกเดือนโดยไม่สนใจราคาที่เราซื้อในวันนั้นว่าจะถูกหรือแพง เพราะอย่างไรเสียต้นทุนจะถูกเฉลี่ยออกมา 4. คนที่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสารของบริษัทหรือธุรกิจที่สนใจ

แล้วหาก ออมหุ้นเอง โดยไม่ต้องผ่านโบรกฯที่ให้บริการด้านนี้ สามารถออมหุ้นเองได้หรือไม่? หากออมหุ้นเองก็ทำได้เช่นกัน แต่ทำอย่างไรให้หุ้นที่เราเลือกเป็นไปตามเป้าหมาย

สำหรับ 5 ขั้นตอนง่ายๆของการออมหุ้น คือ

1. ตั้งงบประมาณเงินออมให้สามารถหักจากรายจ่ายได้ทันที คิดจะออมเงินแล้วก็ต้องออม โดยปกติคนเรามักจะออมหลังจากที่เราใช้จ่าย จึงต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่จากเดิม

รายรับ – รายจ่าย = เงินออม เปลี่ยนเป็น รายรับ – เงินออม = รายจ่าย

ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า เดือนหนึ่งๆจะออมเท่าไหร่ดี?ถ้ารายจ่ายเราเยอะมาก เราก็สามารถหาทางเลือกในการลดรายจ่าย ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และต้องอย่าลืมนะว่า เงินที่เป็นเงินออมสามารถนำไปลงทุนได้ คุณจะสร้างความมั่งคั่งจากตรงนี้แหละ คิดง่ายๆเลย

*หากรายจ่ายเยอะเกิดหนี้ เราต้องจ่ายดอกเบี้ย

*หากเรามีเงินออม เราจะได้ดอกเบี้ยเงินฝาก

*หากเรามีการลงทุน เราจะสร้างความมั่งคั่งได้

2. เลือกหุ้นที่เรามองว่ามีโอกาสดีและมีเงินปันผลการออมหุ้น ไม่ใช่หุ้นจะออมทุกตัวได้ เราจะต้องมองให้ออกว่าธุรกิจไหนที่จะสร้างการเติบโตและความมั่นคงในระยะยาว โดยที่เราต้องคอยติดตามความเปลี่ยนแปลงต่างๆในการแข่งขันอยู่เสมอ หุ้นที่เราควรจะออมหหุ้นควรเป็นหุ้นที่ไม่ได้อิงกับกระแส ไม่ใช่เปลี่ยนหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วในการทำธุรกิจ เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยีต่างๆ แต่หาหุ้นระยะยาวที่มีความแข็งแกร็ง โดยส่วนตัวแล้วอะไรที่เราใช้เป็นประจำ ทุกวัน ทุกอาทิตย์ เป็นสินค้าที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข็งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดไหม ส่วนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพิจารณา

นอกจากนั้นแล้วส่วนต่อมาก็มาดูการเติบโตที่สะท้อนออกมากจากความเป็นจริงว่า ธุรกิจมีกำไรไหม มีการลงทุนใหม่ๆไหม ที่ผ่านมามีการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นหรือเปล่า อย่าตั้งโจทย์ว่าธุรกิจที่เราจะซื้อต้องได้ปันผลเยอะๆ เพราะการปันผลเยอะอาจจะปันแค่ 1 ปีได้ ที่เหลือขาดทุน เพราะฉะนั้นแล้วต้องเข้าไปถึงหัวใจของธุรกิจให้ได้ครับ

3. นำเงินไปลงทุนรายเดือนโดยที่ไม่สนใจราคา อิสรภาพทางการเงินเริ่มต้นจากอิสรภาพทางสายตา การออมด้วยวิธีการลงทุนรายเดือนเราไม่จำเป็นต้องเปิด Computer เพื่อนั่งดูราคาหุ้นขึ้นลง การลงทุนไปเรื่อยๆจะทำให้เราพบกับราคาเฉลี่ยและเมื่อหุ้นเติบโต มันจะสร้าง Passive income ให้กับเราได้ วิธีนี้ทำง่ายๆได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เราไม่ต้องมีความรู้อะไรในเชิงเทคนิคของการซื้อหุ้นเลย ไม่ต้องดูค่า P/E P/BV หรืออะไรทั้งสิ้น ราคาเฉลี่ยจะทำให้พวกค่าต่างๆที่สะท้อนออกมาในแต่ละช่วงเวลา ถูกบริหารไปในการเฉลี่ยเช่นกันและเมื่อหุ้นเติบโตขึ้นมันจะเกิด Margin of Safety ครับ เมื่อสะสมหุ้นได้มากขึ้นเราก็จะได้ Passive Income มากขึ้น

4. ในแต่ละปีถ้ารายได้เรามากขึ้นก็สามารถออมได้มากขึ้น หากใครเป็นมนุษย์เงินเดือนสามารถใช้วิธีนี้ได้ดีกว่าคนอื่นๆเลยนะครับ เราสามารถวางแผนได้รายเดือน หักเงินไปซื้อหุ้นเดือนละครั้งและถ้าเงินเดือนขึ้นหรือโบนัสมากขึ้น ได้รับเงินปันผลเพิ่มจากการลงทุนเรื่อยๆ เราก็สามารถออมได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วอย่าไปสนใจอะไรในหุ้นมากในเชิงของราคา เราตั้งใจทำงานเพื่อนำเงินที่เพิ่มมาลงทุนใหม่ได้เลยนะครับ ยิ่งออม ยิ่งพอร์ทใหญ่ ยิ่งได้ปันผลเยอะ และมันจะง่ายในการไปสู่อิสรภาพทางการเงินแน่นอน

5. กลับไปดำเนินการตามข้อ 1 อีกครั้ง การออมหุ้นเราจะไม่ขายหุ้น ตราบใดที่มันยังทำกำไรและเติบโตดีอยู่ ยังมีความสามารถเหนือคู่แข่ง จะไม่มีทำกำไรมันออกมาเพราะคุณต้องหาหุ้นที่ดีกว่าเดิมในการลงทุน หากหาไม่ได้ก็อย่าไปขายเลย ขายไปเดี๋ยวก็ต้องกลับมาซื้อตัวเดิม เสียเวลา เสียค่าคอม อย่าไปสนใจกำไรเล็กน้อยที่ขึ้นๆลงยกเว้นคุณจะไปลงทุนด้วยกลยุทธ์อื่นๆทางเทคนิค เพราะฉะนั้นแล้ว ออมไปเลยๆ ออมไปเรื่อยๆ เจอโอกาสค่อยว่ากัน ตอนนั้นถ้ากำไร 200-300% จนถึง 1,000% คุณจะไปลงทุนอะไรได้อีกเยอะ และก็กลับไปวางแผนกันในข้อที่ 1 เมื่อคุณมีเงินออมมากขึ้น อยากลงทุนมากขึ้น logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP