9 ตุลาคม 2560 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 33.25-33.55 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่33.45 บาทต่อดอลลาร์ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์อย่างต่อเนื่องในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2 พันล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4.8 พันล้านบาท
เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น และดัชนีหุ้นสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าสะท้อนว่ามีโอกาสเกิน 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯที่แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 16 ปี และการเติบโตเกินคาดของค่าจ้าง สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับสมดุลนโยบายการเงินต่อไป โดยในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ รวมถึงการเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ เพื่อประเมินทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป ขณะที่ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน
ความเสี่ยงทางการเมืองกลับมากดดันค่าเงินยูโรอีกครั้ง จากผลการเลือกตั้งในเยอรมนีซึ่งฝ่ายต่อต้านสหภาพยุโรปได้รับคะแนนเสียงเกินคาด รวมถึงการลงประชามติในแคว้นคาตาโลเนียเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ส่งผลให้ตลาดตั้งคำถามเกี่ยวกับเอกภาพของยุโรปในระยะยาว กรุงศรีมองว่าปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เงินยูโรมีการปรับฐาน หลังจากที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงแปดเดือนแรกของปี
ในขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าการดำเนินนโยบายการเงินของไทยต้องพิจารณาภายใต้มิติสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ เสถียรภาพของราคาที่จะไม่สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อให้สูงจนมีผลต่อเศรษฐกิจ การเติบโตของเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงเสถียรภาพด้านการเงิน ซึ่งจากท่าทีล่าสุด กรุงศรีมองว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไปจนถึงกลางปี 2561