3 ตุลาคม 2560 : นักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้ร่วมถ่ายทอดผลงานทางศิลปะ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกประชาชนชาวไทย ให้ทำความดีตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ในนิทรรศการรู้คุณแผ่นดิน โครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน ปีที่ 6 ภายใต้แนวคิด “สืบสานพระราชปณิธาน พร้อมใจภักดีแด่องค์ราชัน” จัดขึ้นโดยกรมกิจการพลเรือน ทหารบก มีผลงานเข้าร่วมประกวด จากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ จากจำนวนหนังสั้น 234 เรื่อง ภาพวาด 1,862 ชิ้น และพูดสุนทรพจน์ 483 เรื่อง
พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการรู้คุณแผ่นดิน ณ ลานสแควร์ บี และ ซี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับมอบรางวัลการประกวดภาพวาด ภาพยนตร์สั้น และสุนทรพจน์ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดดเด่น สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อทำความดีสืบสานแนวพระราชดำริสร้างผลงานจากแรงบันดาลใจ “สืบสานพระราชปณิธาน
ด.ช.ปัณณวิชญ์ โพธาภินันท์ หรือน้องอั่งเปา จากอนุบาลนวพร ได้รางวัลรางวัลชนะเลิศภาพวาด ระดับประถมศึกษา ได้วาดภาพตัวเองและพี่ขี่จักรยานไปปลูกต้นไม้ พร้อมกับเพื่อนๆ น้องอั่งเปา บอกว่า “ผมกับพี่ช่วยกันปลูกต้นไม้ ถวายให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อยู่บนสวรรค์ ผมกับพี่อยากจะสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการปลูกต้นไม้ครับ”
ส่วนรางวัลชนะเลิศภาพวาดระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้แก่ น.ส.พรนภา หารโงน โรงเรียนศรีสงครามวิทยา วาดภาพสีน้ำ เธอบอกว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ ทรงสอนให้มีความขยันหมั่นเพียร อดออม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
“หนูใช้เวลาวาดหนึ่ง สัปดาห์ วาดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยมีประชาชนที่กำลัง ประกอบอาชีพต่างๆ ยึดความพอเพียง เป็นไปตามคำสอนของพระองค์ท่าน หนูรู้สึกภูมิใจ ที่ได้วาดภาพนี้และเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนทำความดีถวายในหลวง”
น.ส.พิสชา พ่วงลาภ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา สาวน้อยจากจังหวัดเลย ผู้ชนะเลิศรางวัลภาพวาดระดับมัธยมปลาย บอกว่า ผลงานการวาดโดยการแกะสลักจากไม้นี้ เธอตั้งใจใช้ไม้แกะสลักด้วยมือ ในภาพเป็นทหารชายแดนที่เป็นครู กำลังกอดกับแม่ เพื่อลาไปทำหน้าที่สอนหนังสือ ในภาพมีหนังสือที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาล 9 อยู่ด้วย
“การทำหน้าที่มีความสำคัญ แม้จะคิดถึงแม่แต่สุดท้ายก็ต้องไปทำหน้าที่ ต้องเสียสละ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างทรงทุ่มเทแรงกาย แรงใจทำหน้าที่เพื่อพสกนิกรโดยไม่หวังผลตอบแทน”
ส่วนรางวัลชนะเลิศภาพวาด ระดับอุดมศึกษา ได้แก่ นายอิทธิฤทธิ์ นุ่นนาแซง นักศึกษาปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร ใช้เทคนิคการวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยสีฝุ่น
“ภาพนี้ ผมสื่อว่า ท่านเป็นเหมือนร่มโพธิ์ทองที่โอบกอดพวกเราไว้ คอยเฝ้าดูปกป้องดูแล หากพระองค์เสด็จไปที่ใดเสมือนมีเมฆแห่งความกรุณา เหมือนสายฝนที่โปรยปรายลงสู่พื้นดินให้มีแต่ความสุข”
ด้านนายสุชาติ ขวัญหวาน ผู้ชนะเลิศรางวัลภาพวาด ประเภทประชาชนทั่วไป บอกว่า “ความภาคภูมิใจที่ผมถ่ายทอดผ่านภาพวาดนี้ เห็นถึงพระฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชกรณียกิจต่างๆ รวมถึงพระราชจริยวัตรตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ ภาพที่ท่านทรงน้อมรับดอกบัวจากหญิงชรา เป็นภาพที่เราคุ้นตา ทรงเข้าถึงความยากลำบาก ความรู้สึกของราษฎร ทรงห่วงใย คอยแก้ปัญหาให้ประชาชน รู้สึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์”
ส่วนประเภทภาพยนตร์สั้น ระดับอุดมศึกษา ผู้ชนะได้แก่ ทีม ADEC Films จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในเรื่อง “รากแผ่นดิน” หนึ่งในทีมนี้ เล่าว่า แรงบันดาลใจของภาพนตร์สั้นเรื่องนี้ คือ โครงการด้านการเกษตร ที่ทรงทำเป็นต้นแบบหลายโครงการ ที่แม่โจ้ ก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ในหลวงทรงริเริ่มไว้ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการทำการเกษตรที่เมื่อได้ผลผลิต ไม่ว่าจะเป็นผัก ไข่ ก็สามารถเอาไปแลกเป็นค่าเทอมได้
“ผมในฐานะนักแสดงนำ รู้สึกซาบซึ้งที่ครั้งหนึ่งได้ถ่ายทอดพระราชปณิธานของในหลวงเรื่องการทำการเกษตร การอยู่อย่างพอเพียง ท่านทรงสอนให้เราพออยู่พอกิน” หนึ่งในทีมนักแสดงนำ กล่าว
ทีม ADEC Films มีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายอภิชิต โพธิระ นายนนทวัฒน์ เทพเทวิน นายชาญณรงค์ กาวยุ่น นายณัฐชัย ปั๋นล้น นายภาสกร กองอินทร์ นายอาทิตย์ กันธิมา และ นายสรธน ธิติสุทธิ
สำหรับรางวัลการพูดสุนทรพจน์ ประเภทประชาชนทั่วไป ร้อยตำรวจเอก อมรพันธุ์ ฉิมอิ่ม ผู้ชนะเลิศ ในสาขานี้ เล่าด้วยแววตาแห่งความภาคภูมิใจว่า “อยากถ่ายทอดให้ผู้ฟังรู้สึกรักสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นต้นทางการทำความดี ที่ผ่านมาในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่าง ผ่านพระราช กรณียกิจต่างๆ เมื่อฟังแล้วจะได้คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมคนไทยถึงรักพระเจ้าอยู่หัว”
นายธีระวัฒน์ ชูรัตน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ชนะเลิศรางวัลการพูดสุนทรพจน์ ระดับอุดมศึกษา บอกว่า สุนทรพจน์ของเขาเน้นการให้แนวทางการดำเนินชีวิตที่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่าง จะเห็นว่า ท่านทรงงานใช้งบประมาณอย่างจำกัด และทรงนำงบที่เหลือไปใช้ในโครงการถัดๆ ไป เป็นคำสอนถึงความพอดี
“ท่านทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ครองหัวใจราษฎร มากกว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ครองแผ่นดิน ท่านทรงเข้าใจถึงความยากลำบากของประชาชน”
ทั้งนี้ โครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน เริ่มครั้งแรกในปี 2555 โดย กองทัพบกได้ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์ให้คนไทยตระหนักรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบ และได้เกิดกลุ่ม Thailand Wakeup หรือกลุ่มผู้นำทางความคิดที่เป็นแกนนำในการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกแห่งการทำหน้าที่และความรับผิดชอบของตน บนพื้นฐานแห่งจริยธรรมอันดีงาม และตระหนักในความเป็นคนไทยภายใต้แนวคิด “การทำหน้าที่อย่างถูกต้องของคนไทย” ซึ่งมีผู้สนใจมากมาย เกิดกระแสแห่งการใส่ใจในความคิดที่ถูกต้องในกลุ่มคนหลากหลายสาขาอาชีพ จนได้มีการถ่ายทอดแนวคิดแห่งการทำดีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้สนใจสามารถรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินได้ที่ www.thailandwakeup.com หรือ fb: thailandwakeup