27 กันยายน 2560 : นายชวลิต ทองรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขาย บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ กำหนดให้เป็น “ปีแห่งการเติบโตอย่างมีคุณภาพ” ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยปีแรกจำนวน 380 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 40 เบี้ยประกันภัยปีต่อไปจำนวน 750 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความคงอยู่ของเบี้ยฯ สามัญร้อยละ 89 และเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 1,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ซึ่งเป็นปีแรกนับจากการเข้าร่วมทุนโดยกลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล ที่บริษัทฯ สามารถทำเบี้ยฯ รับรวมในระดับสูงกว่าหนึ่งพันล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ (PLATFORM) “iFame (Insurance and Financial Access Made Easy)” สำหรับลูกค้าและพลังตัวแทนที่พร้อมใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลาจากทุกอุปกรณ์ทั้งบนคอมพิวเตอร์ ตลอดจนบนโทรศัพท์มือถือ และ Tablet ซึ่งลูกค้าจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือ ตรวจสอบความคุ้มครอง มูลค่าและผลประโยชน์ต่างๆ ตามกรมธรรม์ ตรวจสอบประวัติการชำระเบี้ยฯ ประวัติสินไหม ค้นหาโรงพยาบาล ฯลฯ รวมถึงการชำระเบี้ยฯ ผ่าน QR Code ในมือถือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
นอกจากนั้น หากลูกค้าต้องการซื้อประกันออนไลน์ ก็สามารถซื้อผ่านมือถือและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งติดต่อตัวแทนด้วยคลิกเดียวได้อย่างง่ายดาย พร้อมไปกับการพัฒนาระบบปฏิบัติการดังกล่าว บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการ (PROCESS) รองรับสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ด้วยการยกระดับสู่ Electronic Process ที่ไร้กระดาษ ตั้งแต่กระบวนการขาย (E-Sales) การจัดทำใบคำขอเอาประกันและคำขอต่าง ๆ (E-Application) การชำระเบี้ยฯ และการออกใบเสร็จ (E-Payment & E-Receipt) การออกกรมธรรม์และบัตรแสดงตน (E-Policy & E-Card)
จนถึงการบริการกรมธรรม์ตามเอกสิทธิกรมธรรม์ต่าง ๆ (E-Service) และคาดว่าในอนาคตจะมีการกู้เงินในกรมธรรม์แบบออนไลน์
เพื่อชำระเบี้ยประกันได้ด้วย และการเรียกร้องสินไหมทดแทน (E-Claim) ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือประมาณ 270 แห่ง โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเงิน
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ถือเป็นภารกิจ (Mission) สำคัญในการพัฒนาบุคลากร (PEOPLE) โดยเฉพาะการพัฒนาพลังตัวแทนสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ด้วยการเน้นพัฒนาตัวแทนมืออาชีพ (Smart Career Agent) ที่สามารถให้บริการด้านความคุ้มครองและการออมได้อย่างมืออาชีพ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับบมจ. หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในการร่วมกันให้การฝึกอบรมพัฒนายกระดับตัวแทนสู่ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ที่สามารถให้คำปรึกษาและวางแผนการเงินการลงทุนให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล ล่าสุดบริษัทมีตัวแทน 2,500 คน และ Financial Advisor : FA กว่า 1,000 คน
สำหรับด้านผลิตภัณฑ์ (PRODUCT) ในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปี 2560 นั้น บริษัทฯ ได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์รองรับโดยเฉพาะความต้องการลดหย่อนภาษี และสำหรับผู้วางแผนยามเกษียณ คือแบบประกันภัยสุขบำนาญ 90/60 แบบประกันภัยแฮบปี้ เวลธ์ตี้ 90/15 สำหรับช่องทางตัวแทน และแบบสมาร์ท เท็น 10/1 อันเป็นแบบชำระเบี้ยฯ ครั้งเดียว ที่ให้ผลตอบแทนสูงพร้อมไปกับการหักลดย่อนภาษี สำหรับช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างสรรค์ผลผลิตตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ และการบริหารงานที่มุ่งมั่นของกลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล บริษัทฯ มีความมั่นคงในระดับสูง พร้อมไปกับพัฒนาการและการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นลำดับ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคดิจิตอล 4.0 กอปรกับความสำเร็จของเบี้ยฯ รับรวมที่สูงกว่า 1,000 ล้านบาทในปี 2560 บริษัทฯ พร้อมแล้วที่จะพัฒนาก้าวสู่ “มิติใหม่ ฟิลลิปประกันชีวิต” ในยุคดิจิตอล 4.0 ปัจจุบันและในอนาคตต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานตลอด 6 เดือนแรกของปี 2560 นี้ บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวน 180 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 78.4 ในขณะที่ทั้งธุรกิจฯ มีอัตราการเติบโตของเบี้ยฯ ปีแรกเพียงร้อยละ 2.8 สำหรับเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปนั้น บริษัทฯ ได้รับจำนวน 325 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความคงอยู่ของเบี้ยฯ ประเภทสามัญร้อยละ 89.0 เทียบกับทั้งธุรกิจฯ ที่มีอัตราร้อยละ 85.6 ส่งผลให้ตลอด 6 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 505 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 23.8 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของทั้งธุรกิจฯ ซึ่งเติบโตร้อยละ 6.8
ด้านสถานะของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ มีความมั่นคงในระดับสูง ณ 30 มิ.ย. 2560 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 9,455 ล้านบาท เป็นสินทรัพย์ลงทุนจำนวน 8,958 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ตามลักษณะการดำเนินธุรกิจที่ต้องสอดรับกับเงินสำรองประกันภัยซึ่งเป็นหนี้สินระยะยาว ในขณะเดียวกันบริษัทฯ มีเงินสำรองประกันภัยที่สามารถรองรับภาระผูกพันของผู้เอาประกันภัยในระยะยาวจำนวน 7,068 ล้านบาท โดยอัตราส่วนของสินทรัพย์ลงทุนต่อเงินสำรองประกันภัยอยู่ในอัตราร้อยละ 126 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราความพอเพียงของเงินกองทุน (%CAR) ที่ร้อยละ 182 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่สำนักงานคปภ. กำหนด
ความสำเร็จของบริษัทฯ ดังกล่าวนี้ เกิดจากนโยบายการดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ด้วยกลยุทธ์ “4S4P” โดยให้ลูกค้าได้รับ 4S คือ Simple (ความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน) Speedy (ความรวดเร็ว) Solution (การมีทางออกเสมอในการแก้ไขข้อขัดข้อง) และ Se ROCESS (กระบวนการปฏิบัติงาน) และ PEOPLE (บุคลากรทั้งพนักงานประจำและพลังตัวแทน) ที่มีประสิทธิภาพ