21 กันยายน 2560 : นายสันติ กีระนันทน์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ก.ย.60 ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ย.60) อยู่ที่ 124.13 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง (Bullish) (ช่วงค่าดัชนีระหว่าง 120-160) โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.34% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 104.01
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยกลุ่มบัญชีนักลงทุนต่างประเทศ และกลุ่มสถาบันภายในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับทรงตัวมาอยู่ที่ระดับร้อนแรง!! กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ลดลงเล็กน้อย โดยอยู่ในระดับร้อนแรงเช่นเดิม ขณะที่นักลงทุนรายบุคคลปรับเพิ่มขึ้น โดยอยู่ในระดับทรงตัวเช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า
“ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในภาวะร้อนแรงจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีการฟื้นตัว ในภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว และการเคลื่อนย้ายเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ โดยนักลงทุนเฝ้าติดตามความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงความชัดเจนในทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐ สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีเคลื่อนไหวปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงปลายเดือนสิงหาคม”นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ส่วนหมวดธุรกิจการเกษตร (AGRI) เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด โดยปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
สำหรับภาวะการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค.60 โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค.คาดว่ามาจากการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ประกอบกับ เงินทุนบางส่วนไหลออกจากภูมิภาคเอเชียกลางจากความเสี่ยงของปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย
สำหรับภาวะการลงทุนทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของสหรัฐยังคงมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในรัฐเท็กซัส สำหรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนเฝ้าติดตาม ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในยุโรปที่มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ยังคงดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป แม้ว่านักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางยุโรป จะเริ่มทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ก็ตาม
นอกจากนี้ นักลงทุนเฝ้าติดตามผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี และการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนักลงทุนคาดว่าจะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ด้านดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย เดือน ก.ย.60 ผลจากดัชนีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวที่ระดับ 1.50% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปี มีทิศทางที่ไม่ชัดเจน โดยระดับความเชื่อมั่นของดัชนีลดลงจากครั้งที่แล้วซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากอุปทานในตลาดตราสารหนี้ระยะยาวและการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ