21 กันยายน 2560 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ภาครัฐเห็นความสำคัญของการทำประกันสุขภาพ จึงมีมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ โดยประชาชนสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพ ได้ ซึ่งหมายถึง 1.การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
2. การประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล 3.การประกันภัยโรคร้ายแรง 4. การประกันภัยการดูแลระยะยาว โดยเป็นค่าเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท และต้องเป็นเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมกับเบี้ยประกันชีวิตไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันชีวิตจากกรมธรรม์หลักที่ยังไม่เต็ม 100,000 บาท เพราะสามารถนำเบี้ยประกันภัยจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพที่รัฐบาลให้หักลดหย่อนได้ 15,000 บาท มารวมได้
การอนุมัติให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ในครั้งนี้ สมาคมประกันชีวิตไทยคาดว่าจะส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบี้ยประกันภัยจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเพราะประชาชนเกิดแรงจูงใจต่อการประหยัดภาษีทั้งในเรื่องของการออมและการวางแผนสุขภาพไปพร้อมกัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนมีหลักประกันดูแลตนเอง และลดภาระพึ่งพิงของรัฐบาลลงได้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2559 ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจากสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ 61,892.66 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 14.54 เนื่องจากประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนสุขภาพมากขึ้น เพราะค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล
เอกชนมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกปีโดยเฉลี่ยประมาณ 15 – 20 % ดังนั้น การมีประกันสุขภาพจะช่วยคลายกังวล ลดภาระตนเองและครอบครัว ทำให้ไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยให้ผู้เอาประกันมีความพร้อมที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที สำหรับผู้ที่สนใจวางแผนภาษีด้วยการออมและประกันสุขภาพสามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริษัทประกันชีวิตทั่วประเทศ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเหมาะกับการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล