18 กันยายน 2560 : นายรูว์ ไฮซแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบีหรือ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ทีเอ็มบี ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรก แห่งเดียวที่เปิดกว้างเสรีภาพการลงทุนตามความต้องการและเป้าหมายของลูกค้าทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายให้กับลูกค้าด้วยการทลายข้อจำกัดเรื่องการสังกัดค่ายของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพิ่มอิสระและโอกาส เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงวันนี้ถือว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ลงทุนและและประสบการณ์ใหม่ที่มีความหมายต่อลูกค้าอย่างมาก
โดยในรอบ 3 ปีผ่านมา เรามีลูกค้าเพิ่มขึ้น 30% และทีเอ็มบียังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ลูกค้าทุกคนบรรลุเป้าหมายการลงทุนอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพด้วย “TMB Advisory บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุนสำหรับทุกคน
นางสาวศันสนีย์ ปางมณี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้าธนบดีและธนบดีธนกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า TMB มุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ของลูกค้าผู้ลงทุนในยุคดิจิทัล ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข่าวสารผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทำให้ได้รับรู้ถึงทางเลือกและข้อเสนอมากมาย โดยลูกค้าต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันลูกค้าต้องการคำปรึกษา การดูแล ตลอดเส้นทางการลงทุน เพราะอาจมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเป้าหมายในแต่ละช่วงชีวิต หรือสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างราบรื่น ทำให้การลงทุนของลูกค้าเป็นเรื่องง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน
นางมารี แรมลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ทีเอ็มบี กล่าวว่า บริการ TMB Advisory ประกอบไปด้วยคอนเซ็ปต์ของบริการการลงทุนที่เปิดเสรีแบบ Open Architecture ที่คัดสรรกองทุนดีๆ ยี่ห้อดังๆ จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของประเทศถึง 8 แห่ง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งมีจุดเด่นและมีเครือข่ายในต่างประเทศทั่วโลก จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้า
ประกอบด้วย บลจ.ทหารไทย, บลจ.ยูโอบี(ประเทศไทย), บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล, บลจ.อเบอร์ดีน, บลจ.แมนูไลฟ์(ประเทศไทย), บลจ.วรรณ, บลจ.ทิสโก้ และล่าสุดบลจ.กสิกรไทย ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร ซึ่งแต่ละแห่งที่เราเลือกมาเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่า ทีเอ็มบี รวมรวบกองทุนรวมดีๆ ผลตอบแทนติดอันดับทุกกอง มาไว้ที่ ทีเอ็มบี ที่เดียวก็ว่าได้
TMB Advisory จะวิเคราะห์ข้อมูลการรับความเสี่ยงในการลงทุนของลูกค้า พร้อมๆ กับความต้องการของลูกค้า แล้วให้คำปรึกษาการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้รับผลตอบแทนที่ต้องการในระยะยาวและไปถึงเป้าหมายการเงินที่วางไว้ ซึ่งการจะประสบความสำเร็จในการลงทุนจะประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ อันดับแรก การจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) อันดับที่สอง การเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุน (Security Selection) และอันดับที่สาม การจับจังหวะการลงทุน (Market Timing)
โดยลูกค้าที่ใช้บริการ TMB Advisory จะมี Amundi พันธมิตรใหม่จากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนรายใหญ่ของโลกและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นอันดับ 1 ในยุโรป มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มาช่วยออกแบบโมเดลพอร์ตการลงทุน 5 รูปแบบ เพื่อแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าตามความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้
ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนทั้ง 5 รูปแบบ จัดไว้สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ต่ำไปจนถึงสามารถรับความเสี่ยงได้สูง พอร์ต Risk Averse ไม่มีการลงทุนในหุ้น เน้นคุ้มครองเงินต้น โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ไทย และตราสารหนี้ต่างประเทศ, พอร์ต Conservative ลงทุนในหุ้น 20% ที่เหลือลงทุนตราสารหนี้, พอร์ต Balanced ลงทุนในหุ้น 50% และตราสารหนี้ 50%, พอร์ต Advanced ลงทุนในหุ้น 70% และตราสารหนี้ 30% และพอร์ต Aggressive ลงทุนในหุ้น 100% ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
โดยทุกรูปแบบจะเน้นจัดสรรสัดส่วนการลงทุนระยะยาว กระจายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแต่ละพอร์ตจะคัดเลือกกองทุนและแนะนำสัดส่วนรายกองทุน ว่าควรจะลงทุนในกองทุนใดสัดส่วนเท่าไหร่ นอกจากนี้จะมีการแนะนำปรับพอร์ตการลงทุนทุกเดือน เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาด และควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในกรอบที่วางไว้ โดยบริการนี้จะไม่มีข้อผูกมัด และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกรับคำแนะนำ และปรึกษาได้ฟรี หลากหลายช่องทาง เช่น TMB Advisory Room ที่สาขา ซึ่งลูกค้าสามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญผ่าน VDO Conference ได้แบบ Real Time, สามารถสอบถาม ซื้อขายกองทุนผ่าน TMB Contact Center 1558 กด #9, เลือกรับข่าวสารการลงทุนได้ฟรีจาก LINE @TMBadvisory และสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ TMB Advisory”
ปัจจุบันทีเอ็มบีมีลูกค้าในรูปแบบกองทุนรวมอยู่กว่า 262,000 ราย มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และกลุ่มลูกค้ารายย่อย เป็น 35:65 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวม (AUM) ที่ซื้อขายผ่าน ทีเอ็มบี ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2560 อยู่ที่ 2.63 แสนล้านบาท เติบโต 17% จากสิ้นปี 2559 เทียบกับทั้งระบบอุตสาหกรรมเติบโต 6% และเรามั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง