31 สิงหาคม 2560 : นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้ได้ปรับแก้ไขโครงการของ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ESG เพื่อสังคม” (TISCO ESG Investment Fund for Society) โดยเพิ่มชนิดหน่วยลงทุนให้เอื้อกับนักลงทุนรายย่อย พร้อมเปลี่ยนชื่อย่อกองทุนใหม่เป็น TISESG จากเดิมคือ TISESG-S
โดยแบ่งชนิดหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ชนิด โดยเพิ่มชนิดหน่วยลงทุน A (TISESG-A) เอื้อให้นักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจาก มีมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 บาท ขายคืนหน่วยลงทุนได้ ใน 3 วันทำการสุดท้ายของทุกเดือน เริ่มเปิดขายชนิดหน่วยลงทุน A ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 เป็นต้นไป จากเดิมกองทุนนี้มีเฉพาะชนิดหน่วยลงทุน D (TISESG-D) มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 50,000 บาท ขายคืนหน่วยลงทุนได้ ในช่วง 10 วันทำการสุดท้ายของเดือน พ.ค.
“กองทุน TISESG จะนำเงินไปลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อที่ผ่านการคัดกรองโดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ควบคู่ไปกับการคัดกรองเพิ่มเติมโดยทีมลงทุนของทิสโก้ โดยเราจะพิจารณาเพิ่มเติมในมุมของ ESG รวมถึง ปัจจัยพื้นฐาน และ Valuation ของบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในการที่จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืน นอกจากกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG แล้ว บลจ.ทิสโก้จะตอบแทนสังคมโดยการนำ 50% ของรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดการของกองทุนชนิดหน่วยลงทุน D และ 40% ของรายได้จากค่าธรรมเนียมการจัดการของชนิดหน่วยลงทุน A มอบให้หน่วยงานที่ส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชัน รวมถึงหน่วยงานที่ทำประโยชน์ต่อสังคมไทย ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนเปิด ทิสโก้ ESG เพื่อสังคม ได้นำเงินปันผลไปบริจาคให้แก่มูลนิธิหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นว่าเป็นมูลนิธิหรือหน่วยงานที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมไทยแล้ว 2 ครั้ง” นายสาห์รัช กล่าว
สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกบริษัทสำหรับลงทุนในกองทุน TISESG นั้นจะต้องเป็นบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกโดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และผ่านเกณฑ์การคัดเลือกด้าน ESG ของบลจ.ทิสโก้ ส่วนหนึ่งจะเป็นบริษัทในกลุ่ม “ESG100” จัดทำโดยสถาบันไทยพัฒน์ จากการใช้เกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นดังกล่าว กองทุนเปิด ทิสโก้ ESG เพื่อสังคม ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด
โดยข้อมูล 30 มิ.ย. 2560 พบว่า ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (21 ต.ค 2558) กองทุนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.53% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดของกองทุนในช่วงระยะเวลาเดียวกัน (ดัชนีชี้วัดของกองทุนเปลี่ยนจาก SET Index เป็น SET TRI เมื่อวันที่ 1ม.ค. 2560) ซึ่งอยู่ที่ ,7.73% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลังระยะ 1 ปีอยู่ที่ 15.36% ต่อปี ระยะ 6 เดือนอยู่ที่ ,8.07% และระยะ 3 เดือนอยู่ที่ 3.84% เมื่อเทียบกับดัชนีวัดข้างต้นซึ่งอยู่ที่, 11.17%, 4.12% แล, 1.12% ตามลำดับ