WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
หุ้นกู้และบี/อี ปีที่ “เจ็บแต่ไม่จบ”##

21 สิงหาคม 2560 : หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่กับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บีอี) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ทำเอาตลาดทุนสั่นคลอนไปพักหนึ่ง และสิ่งที่นักลงทุนกลัวก็กลับมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันอีกครั้ง กับหนังม้วนเดิม แค่เปลี่ยนตัวแสดงใหม่

เมื่อช่วงปลายปี59 ได้เกิดปัญหาใหญ่กับตั๋วบีอีที่ถูกเบี้ยวจ่ายจาก บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) บมจ.เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ (KC) และ บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจใน บจ.อื่นๆ ที่มีการออกหุ้นกู้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการตื่นตัวครั้งใหญ่ จนมาถึง EATRH ที่ใครหลายๆคนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้

วันก่อนได้คุยแลกเปลี่ยนกับนักการเงินของธนาคารกสิกรไทย เขาได้เล่าถึงสถานการณ์การเบี้ยวชำระหนี้ตั๋วบีอี ว่า งานนี้อาจจะมีให้เห็นอีกในอนาคต หลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ได้มีการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต หากไม่ระมัดระวังให้ดี แม้แต่ธนาคารเองก็ไม่รู้เช่นกันว่า ลูกค้าสินเชื่อมีการออกตั๋วบีอี ธนาคารจะรู้ต่อเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้แล้ว และเหตุการณ์นี้เอง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆตื่นตัวและทำเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เพื่อขอดูรายชื่อบริษัทที่ออกตั๋วบีอีว่ากลุ่มนี้เป็นลูกค้าสินเชื่อของตัวเองหรือไม่

37

หากตรวจพบว่าผู้ที่ออกตั๋วบีอีเป็นลูกค้าสินเชื่อของตน ก็จะต้องมีการตรวจสอบแล้วว่า ลูกค้าดังกล่าวออกตั๋วบีอีด้วยวัตถุประสงค์อะไร หากออกตั๋วบีอีเพื่อนำเงินมาลดต้นทุนหนี้แบงก์ อันนี้ถือว่าโอเค ความเสี่ยงน้อย แต่ตราบใดที่ออกตั๋วบีอีเพื่อนำไปใช้วัตถุประสงค์อื่นเช่นนำเงินไปลงทุนอื่นๆ ก็จะกลายเป็นภาระหนี้ที่จะเกิดตามมา เพราะนอกจากจะเป็นหนี้แบงก์แล้วยังเป็นหนี้นักลงทุนที่ซื้อตั๋วบีอีด้วย หากไม่มีเงินไปชำระก็จะมีปัญหา ใคร่จะมาขอเงินกับแบงก์เพื่อมาใช้หนี้ก็ลำบาก เพราะหนี้เก่ายังไม่จางหนี้ใหม่เพิ่มมาอีก

นักลงทุนที่ชอบลงทุนในตั๋วบีอีต้องระวังให้ดีเช่นกัน เพราะธนาคารพาณิชย์ไม่เคยไว้ใจกับสถานการณ์แบบนี้แม้แต่นิดเดียว บทเรียนมีให้เห็นเมื่อในอดีต คือ กรณีบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) ซึ่งเหตุการณ์นั้นถือว่าเลวร้ายพอสมควร และนักการเงินหลายคนมอง ตั๋วบีอี เป็นสินทรัพย์เสี่ยงหากเลือกลงทุนไม่ดี

แล้วนักลงทุนละ! จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ที่เลือกลงทุนแล้วไม่เจ็บตัว ล่าสุด Mr.Messenger กูรูด้านการลงทุน มีข้อเสนอแนะการวิเคราะห์หุ้นกู้อย่างง่าย 5 ขั้นตอนไว้อย่างน่าสนใจ ว่า บทเรียนที่เราได้จากเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ก็คือ “อย่าดูที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้และกระแสเงินสดของบริษัทเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง”

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ กำลังจะมีหุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ที่มีขนาดใหญ่ถึง 10,000 ล้านบาท อายุ 4 ปี ออกจำหน่ายโดยการระดมเงินครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการลงทุนในอนาคตของ PTTGC เป็นหลัก ดังนั้น การวิเคราะห์หุ้นกู้แบบง่าย ๆ 5 ขั้นตอน โดยใช้หุ้นกู้ของ PTTGC เป็นกรณีศึกษา

38

เน้นผลตอบแทน?
เวลาที่ลงทุนตราสารหนี้ แน่นอนว่าเราต้องการผลตอบแทนสูง ๆ จากการลงทุน แต่ธรรมชาติของนักลงทุนนะ ไม่ใช่แค่ตราสารหนี้ การลงทุนทุกชนิด เราก็อยากได้ผลตอบแทนสูง ๆ กันทั้งนั้น คำว่าเน้นผลตอบแทน ไม่ได้แปลว่าต้องลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง ๆ เสมอไป

สำหรับหุ้นกู้ของ PTTGC นั้นให้ผลตอบแทน 3.05% ต่อปี โดย PTTGC นั้นทำธุรกิจปิโตรเคมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. หรือ PTT ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเช่นกัน ผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่ 3.05% จึงเรียกว่าเป็นผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณภาพของบริษัทฯ ลองดูปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ สำหรับท่านที่มีเงินฝากในบัญชีเยอะ ๆ ช่วงดอกเบี้ยต่ำอย่างนี้นำเงินมาลงทุนในหุ้นกู้ของ PTTGC เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีเลย

เกาะกระแสแห่ตามกัน?
นักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้มักจะลงทุนครั้งละมาก ๆ เพราะคิดว่าใคร ๆ ก็ลงกัน เพื่อน ๆ ก็ลงกัน ตราสารหนี้บางตัวก็เป็นการขายให้กับนักลงทุนบางกลุ่มเท่านั้น หรือที่เราเรียกกันว่า Private Placement รวมถึงมีการกำหนดเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ เช่น 10 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาท ทำให้การลงทุนแต่ละครั้งนั้นเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง แน่นอนว่าทุกการลงทุนย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง

สำหรับตราสารหนี้นั้น โดยทั่วไปจัดว่ามีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง การลงทุนแต่ละครั้งต้องมีการทำการบ้านมาอย่างดี อย่าดูแค่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ในครั้งนี้หุ้นกู้ของ PTTGC เปิดขายให้กับนักลงทุนรายย่อย โดยการลงทุนครั้งแรกนั้นเริ่มต้นเพียง 100,000 บาทและสามารถลงทุนเพิ่มได้ครั้งละ 100,000 บาท

นอกจากนั้น ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้สูงอายุด้วย โดยผู้สูงอายุสามารถจองซื้อหุ้นกู้ของ PTTGC รุ่นนี้ได้ก่อนผู้ลงทุนทั่วไป

39

มาถึง 5 ขั้นตอนการวิเคราะห์หุ้นกู้อย่างง่าย
“จะซื้อหุ้นกู้ทั้งทีควรดูอะไรบ้าง” เป็นคำถามที่เรียกว่า classic มาก ๆ และมักจะได้รับคำถามแบบนี้บ่อยมากทั้งจากลูกค้าและคนใกล้ตัว เราลองมาดู 5 ขั้นตอนง่าย ๆ กัน

1. ผู้ออกตราสารคือใคร? งบการเงินเป็นอย่างไร?
แน่นอนว่าผู้ออกตราสารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการวิเคราะห์หุ้นกู้ ไม่ว่าจะให้ผลตอบแทนดีแค่ไหน แต่ถ้าออกโดยบริษัทที่ไม่ดี ไม่มีคุณธรรม หรือบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย อันนี้ไม่ดีแน่ อย่าลืมว่าการที่เราซื้อหุ้นกู้ คือการให้บริษัทนั้น ๆ กู้เงินจากเรา ถ้าดูแล้วว่าบริษัทท่าทางจะจ่ายเงินคืนเราไม่ได้ ก็อย่าไปซื้อเลย ในบางครั้งบริษัทที่เรารู้จัก หรือที่เราเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นบริษัทที่กำลังจะล้มละลายก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ เปิดงบการเงินของผู้ออกหุ้นกู้ดูซักนิด

พอพูดถึงงบการเงินหลายคนกลัวเพราะไม่เข้าใจ ดูไม่รู้เรื่อง มีแต่ตัวเลขเต็มไปหมด อย่ากลัว จริง ๆ แล้วงบการเงินดูไม่ยากเลย ยิ่งถ้าผู้ออกตราสารเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในบริษัทหลักทรัพย์แล้ว จะให้ความสำคัญกับงบการเงินกันมาก ทำกันออกมาอย่างดีทีเดียว คำอธิบายครบ ไม่ได้มีแต่ตัวเลขอีกต่อไป สิ่งที่ต้องเน้นดูให้มากคืองบกระแสเงินสด ที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงสภานะการเงินของบริษัทว่ามีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการใช้ในกิจการหรือไม่

PTTGC ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย PTTGC นั้นมีกำไรสุทธิในปี 2558 และ 2559 อยู่ที่ 20,502 และ 25,602 ล้านบาทตามลำดับ อัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 2.39 เท่าในปี 2559 นับว่าเป็นบริษัทที่งบการเงินแข็งแรงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

2. อันดับความน่าเชื่อถือ หรือ Credit Rating Rating Agency หรือบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เป็นเหมือนผู้ช่วยในการวิเคราะห์บริษัทต่าง ๆ ที่ดัง ๆ ในโลกตอนนี้มี 3 ที่ครับ ได้แก่ Standard & Poor’s, Moody’s, และ FitchRatings ส่วนในประเทศไทยก็มีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้แก่ Tris Rating นั่นเอง

Rating บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะแบ่ง Credit Rating ออกเป็น 2 กลุ่มคือ Investment Grade และ Speculative Grade Investment Grade คือบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่เรียกว่าสามารถลงทุนได้ ส่วน Speculative Grade คือบริษัทที่ต้องระวังเป็นพิเศษ งบการเงินไม่แข็งแรงมากนักหรือบริษัทกำลังมีปัญหา แต่สำหรับ PTTGC นั้นได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch Ratings ที่ AA (tha) นับว่า Credit Rating ของบริษัทอยู่เกือบสูงสุดของที่มีการจัดอันดับกันมาเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล ปลอดภัยแน่นอน

40

3. มีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกัน? เมื่อเราซื้อหุ้นกู้ก็แปลว่าเรากลายเป็นเจ้าหนี้ ในการออกหุ้นกู้ บางครั้งลูกหนี้ก็จะนำสินทรัพย์ของบริษัทบางอย่างมาเป็นหลักประกันด้วย ถ้ากรณีที่บริษัทไม่มีเงินจ่ายคืน ผู้ถือหุ้นกู้สามารถนำสินทรัพย์นั้นไปขายทอดตลาดได้ นับว่าหุ้นกู้ประเภทที่มีหลักประกันมีความปลอดภัยกว่า แต่ราคาขายสินทรัพย์ทอดตลาดนั้นเป็นอีกเรื่องนึง สินทรัพย์บางอย่างอาจขายได้ต่ำกว่าราคาตลาดหรือขายไม่ออกไปหลายปีก็ได้การนำสินทรัพย์มาค้ำประกันหุ้นกู้มักจะทำโดยบริษัทเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและอัตราดอกเบี้ยจะได้ไม่สูงมาก หุ้นกู้ที่กำลังจะออกโดย PTTGC นั้นไม่มีการค้ำประกัน เนื่องจากเป็นบริษัทที่ดีมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว ทางบริษัทจึงไม่ได้เอาสินทรัพย์ใด ๆ มาค้ำประกันการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้

4. หุ้นกู้ด้อยสิทธิหรือไม่ด้อยสิทธิ? ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากบริษัทต้องปิดกิจการลง ผู้ที่จะได้รับการชำระหนี้คืนเป็นลำดับแรกคือ ผู้ถือหุ้นกู้ทั่วไป
หากยังมีเงินเหลือทางบริษัทจะจ่ายเงินคืนให้กับผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็นลำดับต่อมา ก่อนที่จะจ่ายให้กับหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นสามัญต่อไป หุ้นกู้ที่เราถือกันมักจะได้รับการชำระเงินเป็นลำดับแรกก่อนที่จะไปจ่ายให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ทั่วไป (ในฐานะเจ้าหนี้) มักจะได้รับเงินคืนก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ
ในกรณีของหุ้นกู้ของ PTTGC นั้นเป็นแบบ “ไม่ด้อยสิทธิ” ซึ่งก็คือ ผู้ถือหุ้นกู้ทั่วไปจะได้รับการคืนเงินเป็นลำดับแรกนั่นเอง

5. ผู้จัดจำหน่ายคือใคร? โดยปรกติแล้วบริษัทต่าง ๆ จะไม่ได้เป็นผู้ขายหุ้นกู้ด้วยตัวเอง แต่จะว่าจ้างสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับประชาชนรายย่อย หรือที่เราเรียกว่า Arranger แน่นอนว่าผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ทุกที่ต้องศึกษาและวิเคราะห์หุ้นกู้แต่ละตัวอย่างดีก่อนนำออกมาขาย ไม่อย่างนั้นหากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้เป็นอะไรไป ผู้จัดจำหน่ายจะเป็นปราการด่านแรกที่ต้องเจอกับนักลงทุนนั่นเอง สำหรับการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของ PTTGC ครั้งนี้นั้น ทางบริษัทได้แต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย 5 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ นับว่าเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศไทยทั้งนั้น

ขอเน้นอีกทีหัวใจสำคัญของการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทคือ “อย่าดูที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว”logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP