17 สิงหาคม 2560 : ตามที่มีข้อมูลวิเคราะห์ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว โดยดูจากจำนวนโครงการที่เปิดขายใหม่มีน้อยลงนั้น สินี สุวรรณกาศ ศูนย์วิจัยศุภาลัย วิเคราะห์ว่า โดยการวัดขนาดตลาดหรือความต้องการโดยดูจากจำนวนที่ขายได้ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ถูกต้องถ้าหากกล่าวอ้างถึงการที่ตลาดชะลอตัวมาจากในส่วนของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือบริษัทรายย่อยนั้น ยังเป็นการวิเคราะห์ที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะส่วนแบ่งตลาดของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์มีเพียง 30% และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีถึง 70%
สมมติว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ยอดขายลดลง -50% จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมลดลง -15% แต่เนื่องจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีส่วนแบ่งตลาด 70% หากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะหักล้างกับ -15% นี้ จะต้องเติบโตโดยรวม เท่ากับ +21% ซึ่งมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มียอดขายสูงในช่วงอันดับ 1 – 4 มีการเติบโตตั้งแต่ +112% , +75% ,+45%, +29% ตามลำดับ(ที่มา : Phatra Securities) ดังนั้น จึงสามารถฟันธงได้อย่างมั่นใจ 100% ว่าข้อมูลในครึ่งปีแรกนั้น ไม่ได้แสดงเลยว่าการเติบโตของมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะลดลง
ถ้าตัวเลข +112% , +75% ,+45%, +29% นี้เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป อาจดูได้จากข้อมูลของ AREA (Agency for Real Estate Affairs) โดยครึ่งปีแรกของ 2017 ยอดขายรวมเท่ากับ 44,790 หน่วย น้อยกว่าครึ่งนึงของยอดขายรวมทั้งปี 2016 ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติที่ยอดขายของครึ่งปีแรกจะน้อยกว่าครึ่งปีหลัง ถ้าจะดูรายละเอียดเป็นรายผลิตภัณฑ์ของครึ่งปีแรก บ้านเดี่ยวยอดขายอยู่ที่ 5,520 หน่วย ทาวน์โฮมยอดขายอยู่ที่ 11,922 หน่วย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขทั้งปีของปี 2016 เล็กน้อย แต่ในทางสถิติ ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ
ส่วนคอนโดมิเนียมยอดขายครึ่งปีแรกน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปี 2016 มากหน่อย ซึ่งตรงนี้อาจเตือนให้ระวังได้ แต่พฤติกรรมการขายของครึ่งปีแรกจะน้อยกว่าครึ่งปีหลังอยู่แล้ว ดังนั้นข้อมูลดังกล่าวจึงอาจไม่ใช่สาระสำคัญ