11 สิงหาคม 2550 : ด้วยกระทรวงการคลังได้มีหนังสือที่ สร.กค.686 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2560 แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1196/2560 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2560 เรื่อง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท สัจจะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และคำสั่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่ 5/2560 เรื่องแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีบริษัท สัจจะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2560
ย้อนรอยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 บริษัทกมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถูกสั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว และให้บริษัทเร่งแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขภายในเวลาที่กำหนดได้
ทางด้านสำน้กงานคปภ.จึงนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาเพิกถอนในอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย ของ บริษัท กมลประภันภัย ในระหว่างนั้นบริษัทได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้มีการทบทวนคำสั่ง โดยแสดงหลักฐานการโอนเงินเข้ามาในบริษัททำให้อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนขั้นต่ำเป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งสำนักงานคปภ.ได้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เมื่อพบว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนขั้นต่ำเป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และมีความคืบหน้าในการดำเนินการตามเงื่อนไขอื่นๆ คณะกรรมการ คปภ. จึงอนุญาตให้บริษัทเปิดดำเนินการรับประกันวินาศภัยได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ภายใต้เงื่อนไขที่สำนักงาน คปภ. ต้องติดตามการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด ต่อมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนเป็นชื่อเป็น บริษัท สัจจะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้สำนักงาน คปภ. ได้ติดตามการดำเนินงานของบริษัท สัจจะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มาโดยตลอด ต่อมาเมื่อปรากฏข้อสงสัยว่าบริษัทอาจมีการทำธุรกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย สำนักงาน คปภ.จึงได้เข้าตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานในเชิงลึกในทันทีจนพบว่า บริษัทมีการดำเนินการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ดำรงสินทรัพย์ สำหรับเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ของบริษัท เงินสำรองค่าสินไหมทดแทน และเงินสำรองอื่นของบริษัทประกันวินาศภัย และจัดสรรสินทรัพย์ไว้สำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัยไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
บริษัทฯ ฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการถอนเงิน ในบัญชีธนาคารของบริษัทให้กับกรรมการและบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีการบันทึกบัญชีไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้รายงานทางการเงินของบริษัทขาดความน่าเชื่อถือ อีกทั้งบริษัทค้างชำระค่าปรับตามมติคณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งปัจจุบันสายกฎหมายและคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการเกี่ยวกับการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว
ด้วยเหตุผลข้างต้นคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) จึงสั่งให้บริษัทแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงาน และให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถรับประกันวินาศภัยและถูกระงับการทำธุรกรรมทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด
โดยสำนักงาน คปภ. ได้เข้าควบคุมธุรกรรมการเงิน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระหว่างที่บริษัทต้องคำสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวและอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาตามคำสั่งฯ จะไม่มีการโยกย้ายทรัพย์สิน หรือมีการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่รวดเร็วในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย
โดยกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น การจัดหาเงินทุน การเพิ่มทุนให้เพียงพอต่อภาระผูกผันตามสัญญาประกันภัยและให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด ปรับปรุงการบันทึกบัญชีให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง จัดให้มีระบบควบคุมภายใน การสอบทาน และการคานอำนาจของคณะกรรมการบริษัท จัดให้มีแผนธุรกิจ แผนบริหารความเสี่ยง และแผนการดำเนินงานที่นายทะเบียนให้ความเห็นชอบ เป็นต้น ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา บทสรุปบริษัทไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขได้ จึงถูกกระทรวงการคลังสั่งปิดกิจการ