9 สิงหาคม 2560 : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 737 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากไตรมาส 2 ปี 2559 ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 596 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจทั้งสามกลุ่มของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการมีธุรกิจและแบรนด์ที่กระจายในหลากหลายภูมิภาค แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และสภาพเศรษฐกิจในบางประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่มีการชะลอตัวลง
ส่วนในครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 2,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากครึ่งปีแรกของปี 2559 ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 2,239 ล้านบาท อันมีผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจทั้งสามกลุ่มของบริษัทไมเนอร์ โฮเทลส์ มีกำไรสุทธิจำนวน 287 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จาก 237 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2559
การเติบโตดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ของกลุ่มโอ๊คส์ และการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานของโครงการ อนันตรา เวเคชั่น คลับ กลุ่มโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ในไตรมาส 2 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโรงแรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองในประเทศไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากช่วงไว้อาลัย โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในไตรมาส 2 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองในต่างประเทศมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในไตรมาส 2 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากการปรับปรุงโรงแรมเสร็จสิ้น โรงแรมทิโวลีสองแห่งในประเทศบราซิลยังคงมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ในขณะที่โรงแรมในประเทศโปรตุเกสเริ่มแสดงการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในไตรมาส 2 ปี 2560 ส่วนโรงแรมในประเทศแอฟริกาซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10
นอกจากนี้ โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองในประเทศมัลดีฟส์เริ่มแสดงสัญญานฟื้นตัว โดยมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเป็นบวกเล็กน้อยในไตรมาส 2 ปี 2560 จากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย ส่วนโครงการอนันตรา เวเคชั่น คลับมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสาม ไตรมาสติดต่อกัน ภายหลังจากได้มีการปรับปรุงรูปแบบการขาย โดยมีการเติบโตของรายได้ในอัตรามากกว่าร้อยละ 50 ในไตรมาส 2 ปี 2560 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงแรมดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทางด้าน ไมเนอร์ โฮเทลส์ คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ โดยประเทศไทยจะยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากช่วงไว้อาลัยตลอดปีนี้ ในขณะที่ประเทศโปรตุเกสจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 3 และโรงแรมหลายแห่งในประเทศโปรตุเกสจะสามารถเพิ่มค่าห้องเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ได้สูงกว่าในอดีต ภายหลังจากที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ สำหรับโรงแรมในประเทศบราซิล การปรับปรุงโรงแรมจะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักและค่าห้องเฉลี่ยต่อคืน ท้ายสุด การขายโครงการบ้านพักตากอากาศและอนันตรา เวเคชั่น คลับ จะช่วยให้รายได้ของไมเนอร์ โฮเทลส์เติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดปีนี้
ขณะที่ ไมเนอร์ ฟู้ด ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 431 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2559 จำนวน 359 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยและจีน แม้ว่ากลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยจะมียอดขายต่อร้านเดิมอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 ปี 2560 จากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศและผลการดำเนินงานที่สูงกว่าปกติในไตรมาส 2 ปี 2559 จากนโยบายหักลดหย่อนภาษีเงินได้ของรัฐบาลในเดือนเมษายน ปี 2559 แต่กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยยังคงสามารถขยายเครือข่ายสาขาร้านอาหาร ส่งผลให้มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 ในไตรมาส 2 ปี 2560
ส่วนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนมีการเติบโตของยอดขายโดยรวมในอัตราร้อยละ 6.1 ในไตรมาส 2 ปี 2560 ทั้งนี้ ด้วยการขยายสาขาเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นทั้งหมด 2,037 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 ส่งผลให้ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเติบโตในอัตราร้อยละ 5.7 ในไตรมาสนี้ จากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจในตลาดหลักของบริษัท ไมเนอร์ ฟู้ดได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบส่วนกลางของธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนให้มีประสิทธิภาพ กำไรที่แข็งแกร่งจากเวเนเซียโน่ คอฟฟี่ โรสเตอร์ในประเทศออสเตรเลีย และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของตลาดใหม่ๆ ของบริษัท ได้แก่ ตะวันออกกลางและอินเดีย ก็ช่วยให้อัตราการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นเช่นกัน ไมเนอร์ ฟู้ดคาดว่าจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดปีนี้ ถึงแม้ว่าภาวะการบริโภคภายในประเทศไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและการออกกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาด ส่วนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนคาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น จากการปรับปรุงระบบการจัดซื้อและขนส่งและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดีขึ้น
รวมไปถึง ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ มีกำไรสุทธิจำนวน 18 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2560 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาส 2 ปี 2559 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 1 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มแฟชั่น โดยเฉพาะแบรนชาร์ล แอนด์ คีธและอเนลโล่ ส่วนธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2 ปี 2560 ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์จะยังคงขยายเครือข่ายแบรนด์กลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องใช้ในบ้านและครัวเรือนอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อนึ่ง : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบสามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,000 สาขา ใน 19 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, ไทย เอ็กซ์เพรส, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, เบร็ดทอล์ค (ประเทศไทย) และริเวอร์ไซด์
อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีท ทั้งสิ้น 155 แห่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอเลวาน่า คอลเลคชั่น, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เจ ดับบลิว แมริออท, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 24 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป และอเมริกาใต้
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์จากต่างประเทศ ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ในบ้านและครัวเรือน และธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยเครื่องหมายการค้าที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่ แก๊ป, บานาน่า รีพับบลิค, บรูคส์ บราเธอร์ส, เอสปรี, บอสสินี่, เอแตม, ชาร์ล แอนด์ คีธ, เพโดร, แรทลีย์, อเนลโล่, สวิลลิ่ง เจ. เอ. เฮ็งเคิลส์, โจเซฟ โจเซฟ และอีทีแอล เลิร์นนิ่ง บริษัทมีเว็บไซต์บีมินท์ เพื่อนำเสนอสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย