9 สิงหาคม 2560 : บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH)ฟ้องร้องธนาคารธนชาต ข้อหาละเมิดนำข้อมูลลูกค้าไปเปิดเผยต่อธนาคารกรุงไทย ทำให้บริษัททำธุรกิจในประเทศจีนไม่ได้ ส่วนทางด้านธนาคารธนชาต อ้าวข้อกล่าวหารุนแรงเตรียมฟ้องกลับ !!
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาละเมิดต่อธนาคารธนชาต เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธนาคารธนชาตได้นำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบริษัทไปเปิดเผยต่อธนาคารกรุงไทย (KTB) จนเป็นเหตุให้ KTB ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออายัดเงินของ EARTH ที่อยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารธนชาต
ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวเป็นเงินที่บริษัทเตรียมจะโอนไปยังประเทศจีนเพื่อใช้สำหรับดำเนินธุรกิจซื้อขายถ่านหินให้กับคู่ค้าในจีนและขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารแห่งชาติของจีนแล้วเช่นกัน
“ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินคือเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การกระทำของธนาคารธนชาตครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่มีจรรยาบรรณ เพราะไม่ยอมเก็บรักษาความลับของลูกค้า”นายขจรพงศ์ กล่าว
นายขจรพงศ์ กล่าวอีกว่า การกระทำของธนาคารธนชาตส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งเป็นความหวังที่เหลืออยู่ในการที่จะฟื้นกิจการและธุรกิจให้กลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ มีศักยภาพในการทำกำไรและชำระหนี้ในอนาคตได้ แต่ภายหลังจาการอายัดในบัญชีเท่ากับเป็นการตัดเส้นทางทำมาหากินของบริษัท เพราะทำให้ไม่มีเงินมาใช้จ่ายหรือทำธุรกรรมใดได้เลย แม้แต่การจ่ายเงินเดือนพนักงาน นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทมีสิทธิจะถูกดำเนินคดีอาญา เนื่องจากได้มีการเซ็นเช็คไปแล้วจ่ายให้กับกรมสรรพากร จ่ายค่าระวางเรือ เป็นต้น เช็คที่จ่ายออกไปเด้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
“ถือว่า EARTH เดินมาถึงทางตันแล้วจริงๆ ไม่สามารถดำเนินธุรกรรมใดได้เลย หากว่าผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้รายใดอยากจะฟ้องร่วมธนาคารธนชาต บริษัทพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานและดำเนินการให้”นายขจรพงศ์ กล่าว
นายขจรพงศ์ ยังชี้แจงประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาของ EARTH โดยยืนยันว่า ไม่มีผู้บริหารรายใดล้มบนฟูก แต่เหตุที่เดินมาถึงทางตันเพราะปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากถูกระงับวงเงินแบบทันทีทันใด ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ และสุดท้ายอันดับเครดิตขง EARTH ร่วงลงสู่ระดับ D ทันทีทำให้บริษัทไม่มีช่องทางในการหาเงินเพื่อมาชำระหนี้ที่เหลือ
“ขอยืนยันว่า EARTH ไม่ได้ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ โดยเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากสถาบันการเงินนำไปลงทุนทำธุรกิจถ่านหินอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เคยเอาไปใช้เพื่อการลงทุนในรูปแบบอื่นใดเลย”นายขจรพงศ์ กล่าว
ส่วนประเด็นการขอมาร์จิ้นเพื่อนำมาซื้อหุ้น EARTH นั้น มีเป้าหมายเพื่อจะดำรงสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเอาไว้ เพื่อให้การบริหารกิจการเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ โดยท้าให้ไปค้นข้อมูลย้อนหลังว่าผู้บริหารของ EARTH ไม่มีพฤติกรรมการเล่นหุ้นแบบเทรดดิ้งหรือเก็งกำไร แต่ราคาหุ้นที่รูดลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือน พ.ค.เป็นเหตุให้ผู้บริหารโดนฟอร์ซเซลส่งผลให้ต้องตกเป็นลูกหนี้ของโบรกเกอร์คิดเป็นมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอผ่อนชำระหนี้ ที่สำคัญผู้บริหาร EARTH ได้เสียสละนำหุ้นส่วนตัวไปเป็นหลักประกันให้แก่บริษัทและค้ำประกันส่วนตัวเต็มวงเงินให้กับสถาบันการเงิน เมื่อหุ้นราคาตก ผู้บริหารมีหน้าที่ต้องจัดหาหุ้นมาเพิ่มเติมให้กับสถาบันการเงิน จึงไม่มีเหตุผลที่จะล้มบนฟูก
นายขจรพงศ์ กล่าวว่า ที่สุดแล้วคณะกรรมการบริหารบริษัทได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ เพราะหลังจากถูกระงับสินเชื่อทั้งหมด ทำให้การประกอบธุรกิจของบริษัทชะลอตัวอย่างมาก ที่ผ่านมาบริษัทได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย และได้รับแจ้งจากคู่ค้าว่าได้ยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเป็นยอดหนี้รวมกว่า 26,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ไม่ปรากฎในงบเฉพาะกิจการของ EARTH ในไตรมาส 1/60 แต่จัดไว้เป็นประมาณการหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่หนี้ในบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 21,480 ล้าน เมื่อนำยอดหนี้ทั้งสองรวมกันจะเท่ากับ 47,480.01 ล้านบาท
“การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูจะทำให้บริษัทมีเวลาการเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ และเชื่อว่าจะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย อาทิ เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันก็มีสิทธิได้รับหนี้คืนเท่าเทียมกับเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน ทั้งนี้เราไม่เคยคิดที่จะแฮร์คัทเจ้าหนี้รายใด แต่ที่ต้องการคือขอเวลาและโอกาสเท่านั้น”นายขจรพงศ์ กล่าว
ธนชาต เตรียมฟ้องกลับ EARTH
ยันมีมาตรฐานรักษาความลับลูกค้า
ตามที่ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์และต่อมาแถลงข่าวว่า ได้ยื่นต่อศาลฟ้องธนาคารธนชาต พร้อมเรียกค่าเสียหาย เหตุนำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินไปเปิดเผย ทำให้ EARTH ถูกอายัดเงินนั้น ธนาคารธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ที่ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก การกล่าวหาของEARTH ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย จึงใคร่ขอชี้แจง ดังนี้
1. ธนาคารธนชาตยังไม่ได้หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจากศาลแต่ประการใด
2. คำแถลงข่าวของ EARTH ที่กล่าวหาธนาคารฯ ผ่านการแถลงข่าวนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง จึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง เพราะธนาคารฯ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ธนาคารฯ ยืนยันมีนโยบาย ขั้นตอน วิธีการที่ชัดเจน และเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูง ในการดูแลรักษาความลับของลูกค้า
3. ธนาคารฯ ไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือปล่อยกู้ให้กับ EARTH ธนาคารฯ เป็นเพียงผู้รับฝากเงินของ EARTH เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนที่ EARTH กล่าวอ้างเรียกร้อง
4. ธนาคารฯ อายัดบัญชีเงินฝากของ EARTH เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของศาล
5. การที่ EARTH แถลงข่าว/ ทำ Press Release และถ่ายทอดสดทาง Facebook Live พาดพิงธนาคารธนชาตในทางเสียหายนั้น ธนาคารฯ สงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อ EARTH ทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป