4 สิงหาคม 2560 : นายอัญชลิน พรรนิภา ประธานคณะกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TQM เปิดเผยว่า บริษัทมีอัตราการเติบโตของธุรกิจในทุกปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีความตั้งใจที่จะนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขยายธุรกิจให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนให้ครบ 300 ล้านบาท จาก 225 ล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องปรึกษา Finance Advisor : FA โดยบริษัทมีเงินพร้อมที่จะเพิ่มทุน โดยคาดว่าจะสามารถเข้าเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) ได้ภายในปี 61 ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทจะรักษาการเติบโตของยอดขายเบี้ยประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10% โดยเป็นระดับปกติที่บริษัททำได้ในช่วง 2-3 ปี และยังสูงกว่าตลาดโดยรวม ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขายเบี้ยประกันภัย 10,200 ล้านบาท เติบโต 13% โดยครึ่งปีแรกขายเบี้ยประกันภัยแล้ว 5,420 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงที่เหลือจะทำได้ตามเป้าหมาย

“นอกจากนี้ ยังขยายงานไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งจะเน้นในประเทศลาวและกัมพูชา โดยจะเป็นลักษณะการเข้าไปทำธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ปัจจุบันมีอยู่ 40 บริษัท” นายอัญชลิน กล่าว

  
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการถือหุ้นหลังเข้า SET จะคงเหลือไม่ต่ำกว่า 51% เพื่อรักษาอำนาจการบริหาร ส่วนที่เหลือจะกระจายให้กับพาร์ทเนอร์ของบริษัทต่อไป
  
ทางด้านนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานกรรมการ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวถึงแม้ว่าในหลายกลุ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังจากปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจสหรัฐ ราคาน้ำมัน และ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
  
นอกจากนี้ ภาครัฐได้มีความพยายามสร้างความสงบภายในประเทศทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น และยังมีการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นการต่อยอด และสร้างฐาน โดยจะได้เห็นเม็ดเงินลงทุนมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะเสริมและสร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีการเติบโต
  
“ในปีหน้าและปีต่อไปบรรยากาศการลงทุนจะดีกว่านี้เยอะ โดยแนวโน้มตลาดจะเป็นขาขึ้น และถ้าภาครัฐสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จะเป็นสัญญาณบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต อย่างไรก็ตาม ต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี ซึ่งปัจจุบันตลาดทุนมีความพร้อมที่จะทำให้นักลงทุนมาลงทุน โดยมองจีดีพีมากกว่า 3% ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าครึ่งแรกในปีหน้าจะเริ่มเห็นการลงทุนทั้งจากภาครัฐและนักลงทุนมากขึ้น” นายสมเจตน์ กล่าว

  
ทั้งด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันมีการเติบโตตลอดเวลา โดยจำนวนกรมธรรม์มีประมาณ 80 ล้านกรมธรรม์ มีเบี้ยเกือบ 100 ล้านล้านบาท เติบโตกว่า 13% ซึ่งถ้ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องให้ผู้บริโภคได้เข้าใจ โดยปัจจุบันต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค
  
“การที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตจึงเป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตไปข้างหน้า โดยภาพรวมเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องนึกถึง เช่น กรณีน้ำท่วม ผู้บริโภคเริ่มเห็นความจำเป็นมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้ จึงมองว่าประกันภัยจึงมีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก”นายพิเชษฐ กล่าว