17 กรกฎาคม 2560 : ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยต่อเงินในกระเป๋า และปลอดภัยต่อจิตใจ การเลือกลงทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม กูรู ด้านลงทุน มักจะย้ำเตือนเสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ” แต่ด้วยความโลภเข้ามาบังตา เกิดภาวะมือลั่นทุกที หากมือลั่นได้ดีได้ถูกจังหวะก็ดีไป แต่หากมือลั่นผิดจังหวะชีวิตเปลี่ยนได้ และในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน การเลือกลงทุนยอมเปลี่ยนไปตามภาวะโลกเช่นเดียวกัน แล้ว “เลือกลงทุนให้เป็น” มีวิธีอย่างไรบ้าง ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่ใช่แค่เฉพาะลงทุนในตลาดทุนไทย แต่รวมไปถึงตลาดทุนทั่วโลก
ล่าสุด มีผู้รู้เชี่ยวชาญในการเลือกลงทุน ได้ออกมาแนะนำการลงทุนไว้ได้อย่างน่าสนใจ “เจษฎา สุขทิศ” กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน INFINITI Global Investors ระบุว่า หลายเดือนมานี้ตลาดหุ้นไทยตึง ๆ ลงก็ไม่ไกล ไปก็ไม่แรง หรือที่เราเรียกกันว่าช่วงตลาด Sideway นั่นเอง แล้วเราควรทำอย่างไรดี? สิ่งที่พยายามเน้นย้ำคือ ควรพยายามกระจายการลงทุนออกไปในหลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ ภูมิภาค แน่นอนว่า ตลาดหุ้นไทยของเป็นเพียงตลาดหุ้นเล็ก ๆ ตลาดหนึ่งในโลก ยังมีอีกหลายตลาดที่มีความน่าสนใจและมีโอกาสการลงทุนดี ๆ รออยู่
แล้วควรลงทุน “รายประเทศหรือรายภูมิภาคดี” หากเวลาที่เราลงทุนในต่างประเทศสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือการวิเคราะห์ว่าจะลงเป็นรายประเทศหรือเป็นรายภูมิภาค ถ้าเรามั่นใจในเศรษฐกิจและการเติบโตของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะการลงทุนเป็นรายประเทศก็ถือว่าเหมาะสม เช่น การลงทุนในประเทศอินเดียที่หลายคนตกรถไฟ การลงทุนในเวียดนามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แต่ในหลาย ๆ ครั้งเราก็เลือกลงเป็นรายภูมิภาคแทนซึ่งเป็นการเน้นลงทุนโดยใช้ภาพใหญ่ เช่น ลงทุนในเอเชียเพราะเป็นภูมิภาคที่การเติบโตของ GDP สูงที่สุดในโลก หรือเลือกลงทุนในภูมิภาคอเมริกาเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน หรืออาจจะลงทุนในยุโรปเนื่องจากผ่านจุดต่ำสุด เริ่มฟื้นตัว หรือที่มักเรียกกันว่า turnaround
แล้วหาก “การเติบโตท่ามกลางความผันผวนของหุ้นขนาดเล็กในยุโรป”ละ มองว่า ภูมิภาคยุโรปมีความไม่แน่นอนในด้านของสภาพเศรษฐกิจและการเมืองมากมายในปี 2016 – 2017 เช่นการที่อังกฤษต้องการออกจากสหภาพยุโรป ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงเดือนมิถุนายน 2016 แต่ก็เกิดการ rebound อย่างรวดเร็ว
แล้วถ้า“ข่าวร้ายทำให้ของถูก…” ละ เรื่องนี้ละ หลายข่าวร้ายที่ผ่านมาทำให้หุ้นยุโรปถูกลงอย่างน่าตกใจ แต่เราควรเข้าไปลงทุนในของถูกเหล่านั้นหรือไม่? เป็นคำถามที่หลายคนอยากหาคำตอบ สิ่งหนึ่งที่ชอบดูคือ Fund Flows หรือจำนวนเงินที่เข้าไปลงทุนในแต่ละประเทศเพราะมันสามารถสะท้อนมุมมองของนักลงทุนทั่วโลกได้ดี และเป็นการตรวจสอบมุมมองของเราเองไปในตัวด้วย เช่นในกราฟด้านล่างซ้ายจะเห็นว่านักลงทุนทั่วโลกเริ่มกลับเข้าไปลงทุนในยุโรป เนื่องจากหุ้นยุโรปมีราคาถูกกว่าหุ้นในสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเครื่องมือที่ใช้วัดความถูกแพงคือ Price-to-book Ratio นั่นเอง ซึ่งถ้ายุโรปถูกกว่าสหรัฐกราฟจะปักหัวลง เห็นมั้ยครับตอนนี้ต่ำสุด ๆ เลย แปลง่าย ๆ ว่าหุ้นยุโรปมีราคาพื้นฐานถูกกว่าหุ้นสหรัฐมาก
“ของถูกจะแพงได้ ปัจจัยพื้นฐานต้องดี” แล้วหุ้นในยุโรปที่มีราคาถูกจะเติบโตได้หรือไม่อันนี้เป็นคำถามที่สำคัญ จะโตไม่โตเราต้องกลับมาดูที่พื้นฐาน แล้วพื้นฐานอะไรล่ะที่ทำให้หุ้นเติบโต… กำไรไง กำไรของบริษัทดูง่าย ๆ ผ่าน กำไรต่อหุ้น หรือ Earning Per Share หุ้นยุโรปขนาดใหญ่แทนด้วย STOXX600 กำไรโตแค่ 14% แต่หุ้นในหลายๆประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี่ สเปน มีแนวโน้มที่กำไรจะโตอย่างมากเลยทีเดียว
“หุ้นยุโรป ลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนดี” โดยการลงทุนในหุ้นก็มีหลายทางเลือก บางคนเน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง ผลตอบแทนอาจเติบโตไม่หวือหวานักแต่ก็ได้ความมั่นคงสูง สำหรับตัวผมแล้วหลาย ๆ ครั้งผมมักจะสนใจหุ้นขนาดเล็กซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาวแต่ก็มาพร้อมกับความผันผวนที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน