WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 ก.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง Upside เหลือไม่มาก!!

3 กรกฎาคม 2560 : ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์แรกของเดือนใหม่นี้ (3-7 ก.ค.) ว่า แรงขายจากแนวโน้มของการปรับลด QE ของ Fed และที่อื่นๆ เริ่มมีผลต่อตลาดมากขึ้น ในทางกลับกัน เราคาดแรงซื้อคืนของนักลงทุนหลังเปิดไตรมาสใหม่ รวมถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะมีผลในทางบวกต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ในมุมทางเทคนิค จุดรับที่สำคัญที่จะบ่งชี้ว่า rebound หรือลงต่อ จะไปอยู่ที่ 1,566 และ 1,558 จุด ตามลำดับ

123

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น เนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่ตลาดอาจประเมินดูว่าจะไปในทางใด หรืออาจเลือกขายทำกำไรหุ้นที่ไม่ขึ้นอีก (หรือซื้อน้อยลง) โดยในการหาจังหวะเข้าซื้อ ยังคงมองว่า SET Index ในระดับนี้ มี upside เหลือไม่มาก การเข้าซื้อนอกจากจะทยอยซื้อ (ตามแนวรับด้านบน) จะต้องเลือก “selective buy” ด้วย เพราะหุ้นจะไม่ได้ขึ้น-ลง ทุกตัวในแต่ละกลุ่ม ตัวแปร บ่งชี้ทิศทางตลาด คือ แรงซื้อ-ขายนักลงทุนสถาบันในประเทศ และ Bond Yield (สูงขึ้น เป็นลบ)

โดย KTBST แนะคงเงินสดในพอร์ตไว้ 30% เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ , หุ้นอิงกับการลงทุนคมนาคมภาครัฐฯ , หุ้นอิงรายได้จากราคาน้ำมัน , หุ้นบวกจากดอกเบี้ยขาขึ้น หรือฟื้นตามเศรษฐกิจ และหุ้นใหม่เข้าคำนวณ SET50-SET100-sSET มองคาดกรอบดัชนีฯ ในสัปดาห์นี้จะผันผวนในกรอบกว้างที่ 1,550-1,591 จุด หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ได้แก่ TTCL, BBL , CPN , BJC , IRPC, THANI หุ้นแนะนำเชิงเทคนิคได้แก่ HTECH , TWPC

ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ 1) การพิจารณาลด QE เป็นตัวแปรให้นักลงทุนระวังตัวมากขึ้น ตั้งแต่ธนาคารกลาง 3 แห่ง (Fed-ECB-BOE) ให้ข่าวคล้ายๆกันคือ จะลดการใช้ QE สัปดาห์ก่อนตลาดตอบรับต่อเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับเพิ่ม 0.12% มาอยู่ที่ 2.85% เมื่อวันศุกร์ แม้ค่าดอลล่าร์จะไม่ขยับขึ้นมาก็ตาม (Dollar Index 95.6) แต่ผลต่อตลาดหุ้น-พันธบัตร ในตลาดเอเชีย เห็นได้ว่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศเริ่มลังเลและขายในบางตลาด ถ้ายังขายต่อในสัปดาห์นี้ จะเป็นลบ (จับตาดูถ้อยแถลงของ Stanley Fischer หนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ในวันที่ 6 ก.ค. )

ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบยังเป็นตัวแปรที่มีผลต่อตลาด โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นมาแตะ $46 เหรียญได้อีกครั้ง หลังตัวเลขผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯและการใช้แท่นผลิตน้ำมัน ลดลง เป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี น่าจะดีขึ้น จากความกังวลต่อตัวเลขขาดทุน stock น้ำมันที่น้อยลง

ส่วนปัจจัยในประเทศ นั้นจับตาดู แรงซื้อ-ขายสัปดาห์แรกของไตรมาส 3, การประชุม กนง.(5) ที่คาดว่านโยบายการเงินยังไม่เปลี่ยนแปลง และการที่ตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับกำไรของหุ้นธนาคาร-น้ำมัน-ปิโตรฯ ที่จะรายงานก่อนกลุ่มอื่น ตัวแปรด้านเศรษฐกิจมองในทางบวกมากขึ้น แต่อาจต้องรอดูผลอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบโดยภาครัฐ สัปดาห์นี้

หากรัฐบาลไม่มีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆให้กับตลาด ตลาดจะเริ่มคึกคักน้อยลง อย่างไรก็ตาม การซื้อขายของนักลงทุนในช่วงสัปดาห์ก่อน ที่มีเรื่องของการปิดงบเข้ามา เรามองว่า อาจมีแรงซื้อกลับเขามาในตลาดบางส่วน (จากสถิติ 3 ใน 5 ปี พบว่า SET Index ช่วง 15 วันแรกปรับตัวสูงขึ้นจาก 30 มิ.ย.)logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP