12 มิถุนายน 2560 : นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ แอล เอช ฟันด์ เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง ถึงแม้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วงกว่า 5 เดือนแรกที่ผ่านมายังไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นมากนัก ปัจจัยที่กดดันดัชนีส่วนใหญ่มาจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมืองและเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มยูโรโซน อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การกำหนดนโยบายทางการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบกับประเทศในเอเชีย โดย แอล เอช ฟันด์ คาดการณ์แนวโน้มดัชนีครึ่งปีหลัง มีโอกาสปรับขึ้นมาที่ระดับ 1,650 จุด หรือสูงกว่านั้นได้
สำหรับปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะได้รับผลดีจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คาดการณ์จะเติบโตได้ดี หลังจากที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากเดิม 3.2% ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
“อย่างไรก็ตามวิเคราะห์ว่า ดัชนีและราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งแนวโน้มการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีก 2 ครั้งในปีนี้ การปรับลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดและปัจจัยอื่นๆ ทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตลอดจนปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด” นายมนรัฐ กล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวการลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนรวม เป็นทางเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี อาทิ กองทุนเปิด แอล เอช โกรท (LHGROWTH) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโต เหมาะสำหรับการเก็บสะสมเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว, กองทุนเปิด แอล เอช สแทรทิจี อิควิตี้ (LHSTRATEGY) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำ (Low Beta) เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ดัชนีมีความผันผวนหรือปรับลดลง โดยคาดว่ากองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,650 จุดตามที่คาดการณ์ไว้