ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินทิศทางมองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (29 พ.ค. – 2 มิ.ย.) ว่าแรงซื้อของตลาดจากราคาลงไปมาก (Technical rebound) คาดว่าจะลดลง ความเสี่ยงในต่างประเทศทั้งการเมืองสหรัฐฯ เลือกตั้งอังกฤษยังมีอยู่ จึงอาจจะเห็นแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามาในตลาด โดยเฉพาะถ้าดัชนีฯยังไม่สามารถผ่าน 1,573 จุด ขึ้นไปได้ ตัวแปรที่มีผลต่อตลาด คือ Fund Flow และค่าเงินบาท (ถ้าแข็งกว่านี้ จะเป็นลบ)
โดยภาพรวมของการลงทุนสัปดาห์นี้ (29 พ.ค.- 2 มิ.ย.) มองว่า ตลาดขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน ความผันผวนของค่าเงิน (ดอลล่าร์-บาท) สะท้อนว่าปัจจัยในต่างประเทศนั้นยังอ่อนไหวต่อตัวแปรที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นบวกต่อสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ (พันธบัตร-ทองคำ) หรือหุ้นที่มีความเป็น defensive (โรงไฟฟ้า) ขณะที่หุ้นที่เล่นรับกับการ rebound ของตลาดน่าลดการถือลง ส่วนสัปดาห์ถัดไปนักลงทุนจะเริ่มประเมินผลประชุม FOMC และเลือกตั้งอังกฤษ ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
“กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้แนะนำถือเงินสด 30% รอซื้อหุ้นหากเกิดการปรับฐาน หุ้นขนาดใหญ่ที่รายได้และกำไรยังดูดีอยู่ หรือกลุ่มที่กำไรสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ประเมินกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ 1,553-1,590 จุด สำหรับหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ BCH , IRPC , WICE, GPSC , BLA , KSL, PSH , VIH , SCN”
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อตลาดได้แก่
1.) เงินบาทแข็งที่สุดในรอบสองปี จากปัจจัยภายในสหรัฐฯที่ไม่มีความคืบหน้าด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองขณะที่ของไทย การไหลเข้าของเงินลงทุนในตลาดพันธบัตรและคาดว่ามาจากการคาดการณ์ว่าดอลล่าร์จะอ่อนค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ผลที่คาดจะเกิดขึ้นต่อตลาด คือ กระทบต่อผลประกอบการของผู้ส่งออกแต่เป็นบวกต่อสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) บวกต่อผู้กู้ แต่ความกังวลต่อการเข้าแทรกแซงจาก ธปท. คาดจะยังไม่เกิดขึ้น
2.) โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ยังสูง ความน่าจะเป็นอยู่ที่ 95% (Bloomberg) แต่ที่ตลาดน่าจะให้ความสนใจ คือ เมื่อใด Fed จะปรับลดขนาดสินทรัพย์ $4.43 ล้านล้านเหรียญ ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ QE ปลายปีก่อน หามีกำหนดการที่แน่นอน จะมีผลต่อ Fund Flow เพราะเงินจะดูดออกจากระบบและดอลล่าร์จะแข็งค่าขึ้น
3.) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงมาต่ากว่า $50 เหรียญชั่วคราว โดยตลาดอาจคาดหวังมากเกินไปว่า OPEC จะคงกำลังการผลิตไว้อย่างน้อย 12 เดือน (ประกาศจริงคือ 9 เดือน) จึงเกิดแรงขายสัญญาน้ำมัน การใช้แท่นผลิตน้ำมันของสหรัฐฯสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 19 ติดต่อกัน คาดแรงขายน่าจะลดลง แต่จะทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นมาแตะ $50 เหรียญอีกครั้ง ด้วยปัจจัยบวกจากความพยายามในการลดกาลังการผลิตของ OPEC และดอลล่าร์อ่อน
4.) แนวโน้มเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงที่ต้องจับตาดูการเร่งใช้จ่าย-ลงทุน-อนุมัติ-ประมูล ของภาครัฐฯ เนื่องจากเป็นแรงขับสำคัญของเศรษฐกิจปีนี้ เพราะมีการชะลอลงมาตั้งแต่ต้นปี และยังต้องตามสถานการณ์ฝนที่ตกต่อเนื่องและภาวะน้าท่วมด้วย