กรุงเทพ 9 พฤษภาคม 2560 – ซิลลิค ฟาร์มา ประกาศลงทุนในบริษัท เฮลท์ เบนนิฟิท คอนซัลแท้นส์ จำกัด (HBC) ผ่าน MiCare Sdn Bhd (มายแคร์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในมาเลเซีย การร่วมงานกันในครั้งนี้มีเป้าหมายหลัก คือ การผลักดันการเติบโตของ HBC ในประเทศไทย และการขยายบริการรวมทั้งสร้างประโยชน์มากยิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย
นายเพิ่มศักดิ์ เนตรนุช กรรมการผู้จัดการบริษัท HBC กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาการขยายตัวของการประกันสุขภาพมีผลต่อการทำธุรกิจ TPA : Third Party Administrator หรือการให้บริการด้านการสินไหมประกันสุขภาพ ซึ่งในธุรกิจนี้มีการเติบโตสูงขึ้นประมาณ 15-20% ต่อปี ซึ่ง HBC ก็เป็นผู้ให้บริการเป็น TPA ซึ่งดูแลและพิจารณาสินไหมด้านสุขภาพตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมากว่า 20 ปี
ปัจจุบันให้บริการบริษัทประกันวินาศภัยและประกันชีวิตถึง 20 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทประกันวินาศภัยและประกันชีวิตในประเทศไทย 17 บริษัท และต่างประเทศอีก 3 บริษัท ซึ่งบริษัทให้บริการสินไหมกว่า 2.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนไทย และส่วนหนึ่งที่เป็นชาวต่างประเทศทีมาทำงานในประเทศไทย และลูกค้าส่วนหนึ่งจาก สปป.ลาว
ที่สำคัญที่สุด บริษัทฯมีเป้าหมายในการดำเนินงานใน 4 เรื่องหลัก คือ 1. การพัฒนาทีมงาน บริษัทมีพนักงานที่เป็นพยาบาลและหันเหการทำงานเข้ามาทำงานกับบริษัทฯเต็มเวลา จำนวนกว่า 20 คน และ 2.ระบบซอฟแวร์ ที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ 3.ขยายขอบข่ายโรงพยาบาลในสัญญาเครือข่ายที่ครอบคลุมประเทศไทย และสปป.ลาว 4. ฐานข้อมูลจากประวัติสินไหมที่มีในระบบกว่า 2 ล้านรายการ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้บริษัทฯ ให้บริการด้านสินไหมให้ลูกค้าคือบริษัทประกันภัย ภายใต้จุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ สามารถพิจารณาสินไหมที่เที่ยงธรรม ถูกต้อง รวดเร็ว และให้บริการกับผู้เอาประกันภัยอย่างสะดวก ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถควบคุมสินไหมทดแทน อยู่ในระดับที่บริษัทประกันภัยพอใจ แต่การควบคุมสินไหมเรโชได้ต้องอยู่ภายใต้การไม่เอาเปรียบผู้เอาประกันภัย
ล่าสุดการที่ซิลลิค ฟาร์มาเข้ามาลงทุนในบริษัทฯจะทำให้ HBC มีโอกาสขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายและเทคโนโลยีอันทันสมัยของ MiCare (มายแคร์) ในอนาคตคาดหวังว่า ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์และถือบัตรที่แสดงตน สามารถไปใช้บริการในภูมิภาคอาเซียนได้ด้วย และบริษัทยังจะออกบริการเสริมต่างๆ เช่น เวลเนสโปรแกรม การบริการส่วนเพิ่ม เช่น ลูกค้ามีประกันคุ้มครองวงเงิน 1 แสนบาท หากค่าใช้จ่ายเงินวงเงินนี้ ลูกค้าต้องจ่ายเอง บริษัทเล็งเห็นตรงจุดนี้ จึงมีแผนงานช่วยเหลือเพื่อให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลทั้งหมด
อย่างไรก็ดี เบี้ยประกันสุขภาพในประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ใช้บริการของบริษัทฯ เกือบ 50% ที่ผ่านมาบริษัทฯประกันภัยหรือลูกค้าใช้บริการจาก TPA ล้วนเป็นบริษัทประกันภัย จึงมองว่าในอนาคตอันใกล้ องค์กร บริษัท หรือหน่วยราชการ ที่อยากให้บริษัทฯดูแลทางด้านประกันภัยก็มีโอกาสเข้ามาใช้บริการของ TPA หรือ HBC มากขึ้น ซึ่งพิจารณาได้จากสัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการรักษาพยาบาลคิดเป็นบุคคลธรรมดา 60-70% องค์กร 30% ในส่วนนี้มีผู้ทำประกันภัยแบ่งเป็นบุคคลธรรมดาทำประกัน 80% และองค์กร 20%
ปัจจุบันปัญหาสำคัญของการขายประกันสุขภาพ โดยเฉพาะประกันภัยกลุ่มของบริษัทประกันภัยในประเทศไทย คือ ลูกค้ามีงบประมาณไม่พอ ที่จะจ่ายเบี้ยประกันทั้งเป็นคนไข้ในและคนไข้นอก ฉะนั้นตรงจุดนี้บริษัทฯ จะเข้าไปเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า นั่นหมายความว่า บริษัทประกันภัยเองก็จะได้เพิ่มโอกาสการขายมากขึ้น ทางออกก็คือ เพิ่มทางเลือกใหม่ เช่น ความคุ้มครองบางส่วนแบบคนไข้ในค่าใช้จ่ายสูงก็ซื้อประกัน หรือกรณีคนไข้นอกก็มีแบบประกันให้เลือกในราคาที่พอใจกันทุกฝ่ายได้
ยกตัวอย่าง การให้บริการของบริษัทฯ มุ่งเน้นเรื่องลดค่าใช้จ่ายลง แต่การจะลดค่าใช้จ่ายไม่ใช้มาจากการกดราคา เพราะในข้อเท็จจริงไม่สามารถทำได้ แต่จะต้องเริ่มต้นจากเรามีโนฮาว มีดาต้าเบสที่ใหญ่ และมีเทคโนโลยี ก็เข้าไปคุยกับลุกค้า ในการออกแบบกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายราคาไม่สูงเกินไปไม่น้อยไป จากนั้นประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้น การรักษาก็จะตรงประเด็นลูกค้าหายจากการเจ็บป่วย ในเวลาเดียวกันความคุ้มครองก็พยายามให้สูงสุดเท่าที่เงื่อนไขกรมธรรม์ให้ได้ ซึ่งผู้ป่วยและผู้เอาประกันจะได้รับการอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง
นายโมเซส ฮี รองประธานฝ่ายอินทิเกรเต็ดโซลูชั่นส์ (Integrated Solutions) บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา กล่าวว่า “ซิลลิค ฟาร์มา จะทำงานร่วมกับ HBC เพื่อช่วยให้ HBC ขยายธุรกิจในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีและสนองความต้องการของผู้บริโภค บริษัทต่างๆ และผู้ให้บริการประกันภัยในประเทศไทย ปัจจุบัน HBC ดูแลลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของบริษัทประกันชั้นนำในประเทศกว่า 2.5 ล้านคน และยังสามารถนำโปรแกรมเวลเนสเข้ามาช่วยให้คนไทยได้รับประโยชน์มากขึ้น และในอนาคตบัตรประกันสุขภาพของซิลลิค คนไทยสามารถขยายบริการสู่ภูมิภาคเอเชียได้ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของ HBC ใน 12 เดือนข้างหน้าอย่างน้อย 40% ในขณะที่ตลาดโดยรวมเติบโตระดับ 15-20%
“MiCare (มายแคร์)ให้บริการหลากหลายที่ช่วยให้ลูกค้าประกันของบริษัทประกันและองค์กรต่างๆ มีสุขภาพดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผูบริโภครายคน และช่วยลดต้นทุนด้านบริการเกี่ยวกับสุขภาพและการประกัน ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการเหล่านี้ พบว่าการหยุดงานของพนักงานที่เข้าร่วมโครงการลดลง 14% และบริษัทเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสวัสดิการด้านสุขภาพของพนักงานลดลง 15% เรากำลังพิจารณานำโครงการเหล่านี้มานำเสนอต่อผู้บริโภคชาวไทย ผ่านการลงทุนและความร่วมมือของเราและ HBC”
โซลูชั่นต่างๆ ที่ MiCare (มายแคร์) ให้บริการในประเทศมาเลเซียอยู่ในขณะนี้ มีหลากหลาย อาทิ แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และโปรแกรมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โปรแกรมเพื่อสุขภาพเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ที่ดี จากโครงการนำร่องที่เราเริ่มกับองค์กรต่างๆ ในมาเลเซีย พบว่าเราช่วยให้องค์กรเหล่านี้ลดจำนวนการเคลมประกันจากการเป็นโรคเรื้อรังในกลุ่มพนักงานขององค์กรลูกค้าได้ประมาณ 20% และทำให้ 45% ของคนที่เข้าร่วมโครงการของเรา มีสุขภาพดีขึ้น” นายโมเซส ฮี กล่าว
ความสำเร็จของบริการแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนในประเทศมาเลเซีย จะนำมาปรับใช้กับคนไทย เช่น เรื่องการเคลม มีบริการ Google Maps สำหรับผู้ให้บริการประกันสุขภาพ หมอ หรือคลีนิคที่ใกล้ที่สุด และจะเปิดตัวโมบายแอพพิเคชั่น เรื่อง เวลเนส การวัดไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมเรื่อง อาหาร จำนวนแคลอรี่ในอาหารที่รับประทานเข้าไปในร่างกายเป็นเท่าไหร่ การออกกำลังกาย เพื่อป้องกันโรคร้ายแรง 4 โรค ได้แก่ มะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนใช้แอพพลิเคชั่นนี้ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตนเอง โดยจะนำมาใช้กับ HBC โดยจะเปิดตัวเดือนมิถุนายน 2560 นี้