8 พฤษภาคม 2560 : เริ่มกลับมามีบทบาท “ทีวีดิจิทัล” หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานาจนมีต่อหลายต่อหลายแห่งต่างเลิกลากิจการ เพราะแบกรับภาระไม่ไหว แต่ปีนี้ปี 2560 กูรูด้านการลงทุนมีมุมมองต่อกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ใหม่ โดยให้น้ำหนักมากกว่ากว่า นักลงทุนที่มีหุ้นกลุ่มดังกล่าวในมือก็อาจจับจังหวะตรงนี้เข้าลงทุนได้
กูรูการลงทุนของ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซิมิโก้ แนะนำการลงทุนดังกล่าววไว้อย่างน่าสนใจว่า สื่อและสิ่งพิมพ์ (ทีวีดิจิทัล) มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่องผู้นำ โดยช่อง 8 ทวงตำแหน่งคืน/ช่องอัมรินทร์ใกล้ชนะช่อง 3SD หลังจากเห็นเรตติ้งเพิ่มขึ้นมา 2 เดือน ผู้ชมช่อง 7 ลดลงประมาณ 87,000 คน ในเดือนเม.ย. และเรตติ้งรวมลดลง 5.4% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ขณะที่ช่อง 3 มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ในเดือน เม.ย. จากละครไพรม์ไทม์ที่ดีขึ้น หลังจากที่มีเรตติ้งลดลงมา 2 เดือนติด ช่องเวิร์คพ้อยท์เรตติ้งลดลง 2.8%เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
เนื่องจากรายการ The Mask Singer จบลง และ 4 ตอนสุดท้ายต่างก็มีเรตติ้งมากกว่า 10 ส่วนช่อง MONO29 ฟื้นตัว 9% MoM ตามคาด เนื่องจากมีวันหยุดยาวถึง 2 ครั้ง ในเดือน เม.ย. สำหรับ ช่อง 8 สามารถทวงตำแหน่งคืนจากช่อง One หลังจากที่ช่องได้เริ่มออกอากาศละครล็อตใหม่ที่มุ่งเพิ่มคนดูในเขตกทม.และหัวเมืองมากขึ้น ช่อง One ลดลง 8.5% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า จากเรตติ้งละครไพรม์ไทม์ที่ลดลง ขณะที่ซิทคอม (ฉายก่อนละคร) สามารถรักษาระดับไว้ได้ค่อนข้างดี นอกจากนี้ ช่องอัมรินทร์มีเรตติ้งเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า เป็น 0.257 ซึ่งหมายถึงว่าจำนวนคนดูเฉลี่ยน้อยกว่าช่อง 3SD เพียง 2,000 คนเท่านั้น
การแข่งช่วงเวลาไพรม์ไทม์ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ ช่องเวิร์คพ้อยท์สามารถเอาชนะช่องหลักในช่วงไพรม์ไทม์ได้ หากดูทั่วประเทศ ช่อง 7 ยังเป็นที่หนึ่งช่วงไพรม์ไทม์ แต่หากดูในเขตกทม. ช่องเวิร์คพ้อยท์ได้ขึ้นเป็นที่หนึ่งแทนช่อง 3 แล้ว หลักๆ โดยรายการ The Mask Singer และ I Can See Your Voice ช่องเวิร์คพ้อยท์ยังสามารถชนะช่อง 3 ในเขตต่างจังหวัดได้ด้วยรายการอย่างไมค์หมดหนี้ กลุ่มคนดูที่ช่อง 3 ยังสามารถรักษาฐานไว้ได้ คือ กลุ่ม หัวเมือง ส่วนช่อง MONO29 แม้ว่าจะมีเรตติ้งรวม 18 ชั่วโมง สูงเป็นอันดับ 4 แต่ช่อง One กลับทำได้ดีกว่าในช่วงไพรม์ไทม์ ซึ่งหมายความว่าผู้ชมช่อง MONO29 ค่อนข้างคงที่ทั้งวัน
ขณะที่ช่อง One เน้นไปที่ช่วงไพรม์ไทม์ ช่องอัมรินทร์และไทยรัฐก็ทำได้ดีกว่าช่อง 3SD เช่นกันด้วยความนิยมในรายการข่าว และมีความเป็นไปได้ที่ช่องเวิร์คพ้อยท์จะขยับเข้าใกล้ช่อง 3 มากกว่านี้อีก ประการแรกรายการ The Mask Singer ได้จบลงในเดือน มี.ค. แต่เรตติ้งรวมปรับลดพียง 2.8% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ารายการอื่นๆ ยังสามารถเพิ่มฐานคนดูได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เรตติ้งของ The Mask Singer ซีซั่น 2 เมื่อเทียบตอนต่อตอนกับซีซั่นแรกแล้วอยู่ในระดับสูงกว่า ซึ่งหากแนวโน้มยังคงต่อเนื่อง เราคาดว่า เรตติ้งช่องในเดือน ก.ค. (จบซีซั่น 2) จะสูงกว่าเรตติ้งในเดือน มี.ค. ประการที่ 2 ช่องเวิร์คพ้อยท์เตรียมนำรายการใหม่ลงจอ คือ รายการ Wekid จากเกาหลีใต้ ผู้บริหารคาดหวังความนิยมในระดับเดียวกับ I Can See Your Voice และ
สุดท้ายเรายังคงเห็นแนวโน้มเชิงลบสำหรับเรตติ้งละครไพรม์ไทม์ของช่อง 3 ซึ่งเคยอยู่ในระดับประมาณ 8 ในช่วงปี 56 – 57 แต่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4 – 5 ในช่วงปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มยังต่อเนื่องช่อง 3 มีโอกาสเสียส่วนแบ่งผู้ชมและรายได้โฆษณา ช่อง 3SD ก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ด้วยช่องอัมรินทร์ที่เพิ่มขึ้นมาใกล้มากขึ้น ช่อง 3SD ก็มีโอกาสเสียตำแหน่งเช่นเดียวกัน ขณะที่การปรับผู้บริหารเหมือนจะมุ่งประเด็นไปที่การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าคอนเทนท์ของ BEC จะยังคงเหมือนเดิมแล้วแนวโน้มน่าจะยังคงดูอ่อนแอต่อไป
นีลเส็น รายงานเม็ดเงินโฆษณาในไตรมาส1/60 บนช่องดิจิทัลเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่เม็ดเงินบนช่องเดิมลดลง 9% เราคิดว่าผู้เล่นรายใหม่จะรายงานกำไรฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง WORK (TP 61.75 บาท – ซื้อ) จะเป็นผู้นำกลุ่มและรายงานกำไรเติบโตถึง 169% เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ตามด้วย MONO (TP 3.78 บาท – O/P) ซึ่งจะพลิกเป็นกำไรปกติ 11 ล้านบาท จากขาดทุน 80 ล้านบาท ใน 1Q59 ส่วน GRAMMY (TP 13.40 บาท – ซื้อ) จะมีขาดทุนปกติลดลงเหลือ 97 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 33%YoY RS (TP 10.70 บาท – ซื้อ) น่าจะมีกำไรสุทธิลดลง 62%
เนื่องจากยอดรายได้ธุรกิจอีเว้นท์สูงเป็นพิเศษในปีที่แล้ว เราคาดการณ์กำไร BEC (TP 16.00 บาท – ขาย) ที่ 314 ล้านบาท ลดลง 28%YOY ตามเรตติ้งช่องที่ลดลง เรายังคงเลือก WORK และ GRAMMY เป็น Top pick สำหรับกลุ่ม