ฮ่องกง 27 เมษายน 2560 : กลุ่มบริษัทเอไอเอ จำกัด ประกาศผลประกอบการ ประจำไตรมาสที่ 1 (ธ.ค.59-28 ก.พ.60) ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
มร. มาร์ค ทัคเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกกลุ่มบริษัท เอไอเอ มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เป็น 884 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดประจำไตรมาส นับตั้งแต่การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนในครั้งแรก (IPO) ในปี 2553
“หลังจากการประกาศ เค็ง ฮุย จะขึ้นมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท แทนผม เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ผมได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งมอบงานจะเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย ซึ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ดังนั้น การส่งมอบตำแหน่งของผมจะเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด โดย เค็ง ฮุย จะขึ้นดำรงตำแหน่งใหม่ในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 นี้ และผมจะดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระประจำกลุ่มบริษัทเอไอเอนับจากนั้นจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560″
เอไอเอในประเทศจีน เป็นตลาดที่มีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในไตรมาสแรก โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการใช้กลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่างในตลาด ด้วยการพัฒนาตัวแทนมืออาชีพแบบเต็มเวลาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวแทนเหล่านี้จะสามารถให้คำแนะนำทั้งในผลิตภัณฑ์ที่มอบความคุ้มครองชีวิต และผลิตภัณฑ์ออมเงินในระยะยาวแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนเอไอเอ ฮ่องกง ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม ด้วยอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการพัฒนากลุ่มลูกค้าและช่องทางจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมของช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจ และการดำเนินกลยุทธ์ Premier Agency อย่างต่อเนื่อง และการเติบโตของจำนวนตัวแทนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลงานที่แข็งแกร่งขึ้นของช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ประเทศมาเลเซีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาก โดยมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ทั้งในช่องทางตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ส่วนในประเทศสิงคโปร์ มีอัตราการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์มอบความคุ้มครองชีวิตที่ชำระเบี้ยประกันภัยแบบรายงวดเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก ชดเชยกับยอดขายของเบี้ยประกันภัยแบบชำระครั้งเดียวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่องทางโบรคเกอร์ (Broker)
สำหรับในประเทศไทย ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของช่องทางตัวแทน โดยเฉพาะเรื่องของสัญญาตัวแทน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของกลยุทธ์ Premier Agency ที่มุ่งสร้างมาตรฐานและความเป็นมืออาชีพของตัวแทน ในขณะเดียวกันตลาดในประเทศอื่นๆ ยังคงมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในไตรมาสแรก โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศออสเตรเลีย เกาหลี ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 62 เป็น 1,779 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสแรกของปี 2559 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพผลงานของตัวแทน จำนวนตัวแทนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจ ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) คิดเป็นร้อยละ 49.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2559 ซึ่งมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่ที่ร้อยละ 51.6 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายแบบประกันที่มีเงินปันผลภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้นของเรา
สำหรับอัตรากำไรของมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ร้อยละ 9 ในไตรมาสแรกของปี 2560 ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสมมุติฐานเชิงเศรษฐกิจในระยะยาว ที่แตกต่างไปจากที่ปรากฏอยู่ในรายงานประจำปีงบประมาณ 2559 เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เป็น 6,247 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2559
ทั้งนี้ ในภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่น โดยรากฐานเศรษฐกิจ มหภาคที่มีความแข็งแกร่ง นโยบายการเงินและการคลัง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของจำนวนประชากรทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคยังคงกระตุ้นให้เศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์หรือปริมาณความต้องการการซื้อของในประเทศเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดการเติบโตในภูมิภาค บวกกับอุปสงค์ภายในภูมิภาค สำหรับการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริการและยุโรปยังคงมีอยู่ แต่เอเชียยังมีความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง : กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิค ทั้งในประเทศฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ ฟิสิปปินส์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เวียดนาม นิวซีแลนด์ มาเก๊า บรูไน และกัมพูชา และเป็นผู้ถือหุ้น 97% ในบริษัทในเครือในประเทศศรีลังกา และถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย อีกทั้งยังมีสำนักงานผู้แทนในประเทศพม่า
เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาคโดยมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ที่ 185 พันล้านเหรียญสหรัฐ