27 เมษายน 2560 : บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ล่าสุดเดินหน้าลุยตลาดเต็มพิกัดด้วยการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ “มาริโอ้ เมาเร่อ” พร้อมปูพรมตลาดอาเซียนบุก เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มั่นใจรายได้โต 20% แตะ 4 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้
นางสาวจันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เปิดเผยผลการดำเนินงานของฟู้ดสตาร์ในปี 2559 รายได้อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ปีนี้คาดรายได้รวมอยู่ที่ 3,700 ล้านบาท แบ่งเป็น 60% ในประเทศและ 40% ต่างประเทศ เพื่อต่อยอดความสำเร็จของดีโด้บริษัทต้องการที่จะขยายตลาดในกลุ่มเป้าหมายสังคมเมืองให้มากขึ้น โดยการสร้างแบรนด์ให้ดูทันสมัยและจะเป็นโอกาสในการสร้างยอดขายให้มากขึ้น จึงทำการเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ฝนใหม่ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคมเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วไปในประเทศและตลาดอาเซียน จึงได้เลือก ” มาริโอ้ เมาเร่อ ”
สำหรับการทำตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัท ใช้งบกว่า 200 ล้านบาทเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ มี “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์ภายใต้ concept “ส่งต่อความสดชื่น…สะใจ ได้ทุกที่ทุกเวลา” โดยจะเริ่มออนแอร์ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2560 เป็นต้นไป พร้อมกันกับประเทศเมียนมาร์และลาว ซึ่งจะมีการแปลเป็นภาษาท้องถิ่น จากนั้นจะออกอากาศในประเทศกัมพูชาและเวียดนามเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนโดยตลอดทั้งปีจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ทั้งสินค้าใหม่และรสชาติใหม่
ทั้งนี้ยังได้ทุ่มเงินกว่า 700 ล้านบาท ดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยมาเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในแง่ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่โดยมุ่งเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) ที่มีการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มอย่างน่าจับตา
อย่างไรก็ตาม หลังจากปูพรมสินค้าและทำการตลาดอย่างครอบคลุมแล้ว แล้วจะมีการตั้งออฟฟิตประจำในแต่ละประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ ส่วนการลงทุนอื่นๆจะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในอนาคต ซึ่งจากการเปิดเกมรุกทำตลาดสร้างแบรนด์ในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากต่างประเทศเติบโต 40% ทำให้สัดส่วนการขายต่างประเทศจาก 20% ขยับขึ้นมาเป็น 30% ของภาพรวมบริษัท นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสจากการเข้าไปเปิดตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ อินเดีย จีน เพื่อสร้างรายได้ทะลุ 5000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 3200 ล้านบาท 
