21 เมษายน 2560 : นายคมสัน ทองตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามซิตี้ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2560 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันรับทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท และยังคงเน้นให้ความสำคัญในการทำตลาดรายย่อยในส่วนของประกันภัยอุบัติเหตุเป็นหลัก โดยจะขยายสัดส่วนเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุ จากร้อยละ 65 เป็นร้อยละ 70 ของเบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดของบริษัท และตั้งเป้าหมายภายในอีก 3 ปีข้างหน้า จะติด 1 ใน 5 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่มีเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุสูงสุด
ทั้งนี้ ภาระกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการแบ่งเป็น 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องแรก การปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อมุ่งเน้นให้เป็นบริษัท Tech Companies ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งทุกส่วนงานจะต้องมีการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในแต่ละกระบวนการทำงาน เช่น การออกกรมธรรม์ การชดใช้สินไหมทดแทนเป็นการปรับเปลี่ยนระบบเดิม จากการทำงานด้วยระบบคนสู่ระบบเครื่องที่เรียกว่า Auto made เป็นต้น
เรื่องที่ 2 มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน การบริการ ผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับสตาร์ทอัพ เพื่อให้ช่วยพัฒนารูปแบบของกรมธรรม์ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่แตกต่างจากตลาดรวมถึงการลอกเลียนแบบได้ยาก และเป็นการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างการคิดค้นและออกแบบ คาดว่าจะเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้
“สยามซิตี้ยังคงมุ่งเน้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งด้านการรับประกันภัยและการให้บริการหลังการขาย ให้มีความสอดคล้องและตรงกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วมากที่สุด “อนาคต คุณจะสามารถกดต่ออายุและจ่ายค่าเบี้ยประกันจากแอพในมือถือของคุณได้ และคุณจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและรับเงินคืนผ่านมือถือได้เช่นกัน”นายคมสันกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,154 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัท ซึ่งมีอัตราเติบโตขึ้นจากปี 2558 ถึงร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าอัตราเติบโตของภาพรวมของธุรกิจประกันวินาศภัย และทำให้บริษัทขึ้นแท่นเป็นบริษัทประกันวินาศภัยขนาดกลาง โดยในปี 2559 เราติด 1 ใน 10 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่มีเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุสูงสุด
ในส่วนเบี้ยประกันรับข้างต้นแบ่งเป็น การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 65% หรือคิดเป็นเบี้ยรับ 700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการรับประกันพีเอ นักเรียน ขณะนี้มีประมาณ 40,000-60,000 โรงเรียน ด้านประกันรถยนต์ 23% เบี้ยประกันรับ 300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นประกันอื่นๆ อีก 12% เบี้ยรับ 154 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท
มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1,530 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น 448 ล้านบาท มีอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายร้อยละ 422.02 ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำที่ต้องดำรงตามกฎหมายถึงร้อยละ 322.02