19 เมษายน 2560 : นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1 ปี 2560 (มกราคม-มีนาคม)ธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,272 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 1.30% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเติบโตขึ้น 15.05% โดยเป็นผลมาจาก การมุ่งเน้นความแข็งแกร่งของคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง การบริหารค่าใช้จ่ายสำรองอย่างมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ
สำหรับสินทรัพย์รวมของธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรายย่อยมีการปรับเพิ่มตัวขึ้น และเงินลงทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับ สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยปรับตัวลดลงเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกัน โดยมี NPL Ratio คงเหลืออยู่ที่ 2.21% และ Coverage Ratio ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 156.80% ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.55%
ธนชาตมีนโยบายเชิงรุก ที่จะทำให้ลูกค้ามาใช้บริการของธนาคารธนชาตให้เป็น “ธนาคารหลัก (Main Bank)” เพราะได้ทำการศึกษาลูกค้าอย่างลึกซึ้งจึงรู้จักและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มแต่ละประเภท โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินและมุ่งเน้นให้ได้รับความสะดวกสบายและความเป็นธรรมแก่ลูกค้าในทุกๆ กลุ่ม ให้ได้รับผลประโยชน์ทางการเงินที่ดีที่สุดเท่านั้น
ทั้งนี้ ธนาคารได้ลงทุน เพื่อสร้างบุคลากรของธนาคารให้มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อพนักงานสามารถให้คำแนะนำและคำปรึกษาที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในช่องทางการให้บริการที่สะดวกและมีความหลากหลายเหมาะแก่ลูกค้าแต่ละกลุ่มด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการบริการที่กระชับ
นอกจากนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนชาตได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการวางอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) ร่วมกับอีก 4 ธนาคารในนาม กลุ่มธนาคารพันธมิตร TAPS (Thai Alliance Payment System) เพื่อวางเครือข่ายการติดตั้งเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ รองรับการใช้จ่ายได้อย่างทั่วถึง และอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้
ขณะเดียวกัน นายปีเตอร์ เบสซี่ รองประธานกรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคมีแนวโน้มในการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตนเองมากขึ้น ธนชาตจึงได้พัฒนาช่องทางการให้บริการผ่านการเปิดตัวรูปแบบสาขาขึ้นใหม่ 2 รูปแบบ โดย Thanachart Express ที่สาขามันนี่ปาร์ค ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 4 ได้มุ่งเน้นให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยตนเอง ผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ขณะที่ Thanachart Next ที่สาขาสยามพารากอนนั้น ได้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัยและครบวงจร มีการให้บริการทั้งแบบเคาน์เตอร์และตู้ให้บริการอัติโนมัติ พร้อมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินที่จะส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าอย่างมืออาชีพ