17 เมษายน 2560 : ผู้สื่อข้าวรายงานว่า สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย รายงานค่าเงินรายสัปดาห์ 17 เม.ย.- 21 เม.ย. 60 โดยมองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.20-34.50 ในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์นี้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสาคัญในหลายประเทศ เริ่มจากด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานตัวเลขสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ อีกทั้งจะมีสามชิกเฟดหลายท่านออกมาให้ความเห็นด้านอัตราดอกเบี้ยและจะมีรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือ Beige Book ที่ทาโดยเฟดออกมา
สำหรับตลาดเอเซียนั้น ในสัปดาห์นี้ต้องจับตาดูการรายงานตัวจีดีพีไตรมาส 1 ของจีนที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต 6.8% ใกล้เคียงกับระดับเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ จีนจะรายงานตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สาคัญ อย่างยอดค้าปลีกและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ในขณะที่ทางญี่ปุ่นจะรายงานตัวเลขการค้า สาหรับยุโรปนั้นมีตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนออกมา
ทั้งนี้ ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมีการรายงานออกมาค่อนข้างเยอะในสัปดาห์นี้อาจทาให้ค่าเงินมีความผันผวนได้ อย่างไรก็ดี เรื่องการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นความเสี่ยงหลักกดดันตลาด โดยเฉพาะความตึงเครียดของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ที่จะทาให้ตลาดเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่อง
ส่วนค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 34.61 โดยตลาดไทยเปิดทำการแค่เพียงสามวันในอาทิตย์ที่ผ่านมาก่อนที่จะเช้าสู่วันหยุดเทศกาลส่งกรานต์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเป็นสาคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มากที่เพียง 98,000 ตาแหน่ง
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากความเห็นของคุณเยลเลนที่ออกมาไปในทาง dovish มากกว่าหลังยังย้าว่าเฟดจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่ แต่ประเด็นหลักที่กดดันตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือเรื่องความตึงเครียดเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยจากเรื่องซีเรียและเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ที่กดดันเงินดอลลาร์ และทำให้ตลาดเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินเยน โดยเงินเยนประบแข็งค่าขึ้นและลากให้ค่าเงินบาทแข็งค่าตามไปด้วย โดยเงินบาทกลับมาแข็งค่าและปิดตลาดที่ 34.48 (ณ วันพุธ เวลา 17.00)
สำหรับ ตลาดพันธบัตรหุ้นกู้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดค่อนข้างเงียบ เนื่องจากจะเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้มีการลงทุนมากนัก ทาให้ไม่มีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ตลาดแรก ออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ คาดว่า น่าจะกลับมาคึกคักหลังช่วงวันหยุดยาว
“ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของทั้งพันธบัตรรัฐบาลไทยและหุ้นกู้ภาคเอกชน ยังปรับตัวลง ต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลัก คือ เรื่อง geopolitical risk ระหว่าง US กับ Syria และ Russia กับ North Korea ประกอบกับ ตลาดเริ่มลดความเชื่อมั่นใน fiscal stimulus ที่ประธานาธิบดี Trump ได้เคยโฆษณาไว้ อีกทั้ง supply ตลาดแรกส่วนใหญ่ก็ยังเป็นตัว 3ปี ขึ้นไป และ spread ตลาดแรกก็ไม่ได้ดีกว่าตลาดรอง ตลาดในช่วงสัปดาห์นี้ค่อนข้างเงียบ เพราะ investors และ local dealers ลาเพื่อจะได้มี long weekend โดย tenor ที่ยังซื้อขายกันบ้างก็เป็นตัวที่ครบกาหนดปี 2017-2019 เพราะ long-term view เป็นดอกเบี้ยขาขึ้นเนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และ การลด balance sheet $4.5 trillion ใน bond port จึงมาบู๊ตัวสั้น เพราะยังไงก็ต้องลงทุนแต่ขอลงทุนตัวที่ duration น้อยๆ โดย corp bond tenor 1ปี spread trade ประมาณ 20 bps ต้นๆ ”
สิ้นสุดสัปดาห์อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 3, 5, และ 10 ปี อยู่ที่ 1.72%, 2.11%, และ 2.72% ส่วนของหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA รุ่นอายุ 3 ปี (reference จาก TLT20X ) อยู่ที่ 2.28% คิดเป็น Spread 52.5 bps และ รุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ 4.25% (reference BJC273A ที่ rating A+ @ 154bp หัก approx ส่วนต่าง rating AAA กับ AA- ที่ 52bps หัก liquidity spread 20 bps ) คิดเป็น Spread 82 bps