**@@##หลังจากประเทศไทยได้สูญเสียบุคคลสำคัญและเป็นที่รักของชาวไทยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ความโศกเศร้าครานั้นยังคงอยู่ในวันนี้ การท่องเที่ยวของไทยจึงดูซบเซาตามไปด้วย รวมถึงเจอมาตรการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจังของภาครัฐ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่ม…ดูไม่ถอดใจที่จะมาเยือนประเทศไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ตั้งแต่ต้นปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งไม่เพียงแต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวในไทยชะลอลง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายประเทศมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ของปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยสามารถขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดที่ช่วยหนุนการขยายตัว อาทิ นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย สปป.ลาว เกาหลีใต้และอินเดีย เป็นต้น
โดยในช่วงเดือนเมษายน ทยอยกลับเข้ามาคึกคักอีกครั้ง จนทำให้ขยายตัวเป็นบวก จากสีสันของเทศกาลสงกรานต์ที่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ…ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า น่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากการทยอยฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน แม้ว่าในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจะลดจำนวนลง แต่จากเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศจีนและเกาหลีใต้ น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ ที่คาดว่าจะเติบโตดี อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย จากการทำตลาดท่องเที่ยวของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจากรัสเซียที่ยังทำตลาดมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เป็นต้น กอปรกับในเดือนเมษายน ของทุกปี ก็จะมีเทศกาลสงกรานต์ ที่เป็นปัจจัยหนุนการเติบโต และในระยะหลังนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งตั้งใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่หน่วยงานภาครัฐมีการประชาสัมพันธ์ประเพณีสงกรานต์ ทำให้กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศมีการทำแพคเกจท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ จากสถิติผู้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรใน 5 ท่าอากาศยานหลัก พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย 2-3 วัน ก่อนที่เทศกาลสงกรานต์จะเริ่มขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวมีวัตถุประสงค์ไม่เพียงแต่จะเข้ามาร่วมงานเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่มีวัตถุประสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของไทยเช่นกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเป็นแรงหนุนที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาทิ ตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้จากภูมิภาคเอเชีย อาทิ ตลาดจีน ซึ่งในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา กลายมาเป็นตลาดที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างมาเลเซีย ซึ่งในปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียน่าจะยังเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่เนื่องจากค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่าลง ทำให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียอาจจะลดลงตาม เป็นต้น
จากปัจจัยดังกล่าวนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในเดือนเมษายน 2560 น่าจะมีจำนวน 2.71 ล้านคน ซึ่งจะช่วยหนุนให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีประมาณ 11.81 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สร้างรายได้กระจายลงสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องมูลค่าประมาณ 6.12 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวอาจจะต้องติดตามภาวะตลาดนักท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายประเทศยังมีความละเอียดอ่อนจากปัจจัยเฉพาะที่กดดันการเดินทางท่องเที่ยว อาทิ ค่าเงินริงกิตที่ยังอ่อนค่า อาจจะมีผลต่อการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซีย
ขณะที่ ตั้งแต่ต้นปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศการเติบโตก็อ่อนแรงลง ซึ่งมาจากสาเหตุหลายประการอย่างนักท่องเที่ยวจาก สหราชอาณาจักรที่อาจจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินปอนด์และผลต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจหลัง Brexit หรือนักท่องเที่ยวจากอิตาลีที่ลดลงก็เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอ เป็นต้น ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละประเทศอาจจะมีผลต่อทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 คนกรุงเทพฯ มีการจับจ่ายใช้สอยคิดเป็นเม็ดเงิน 23,000 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว อันเป็นผลจากคนไทย ยังคงกังวลในเรื่องของค่าครองชีพ นอกจากนี้ ความไม่สะดวกในการเดินทาง สภาพอากาศที่ร้อนและไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐเช่นเดียวกับปีก่อน จึงทำให้บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อาจจะไม่คึกคักมากนัก
ทั้งนี้ เม็ดเงินดังกล่าวแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสังสรรค์ (อาหารและเครื่องดื่ม) 8,800 ล้านบาท ค่าที่พัก/เดินทาง 5,800 ล้านบาท ช็อปปิ้ง 4,400 ล้านบาท ทำบุญไหว้พระ 2,000 ล้านบาท และกิจกรรมอื่นๆ 2,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจที่ตอบโจทย์แนวทางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ยังมีโอกาสทำตลาดหรือเพิ่มยอดขายได้ในช่วงสงกรานต์นี้ อาทิ ค้าปลีกออนไลน์ บันเทิงออนไลน์ บริการจัดส่งอาหาร นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่ได้อานิสงส์ในช่วงสงกรานต์อยู่แล้ว เช่น ร้านอาหารทั่วไป ค้าปลีก ปั๊มน้ำมัน/ แก๊ส ธุรกิจท่องเที่ยว ฯลฯ