30 มีนาคม 2560 : เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ชูจุดแข็งการเป็น Global brand สู่ความเป็นเลิศในการบริการ ระดับสากล ครอบคลุมทุกความต้องการ ที่เน้น Simpler Smarter Faster ในทุก touch point ตั้งเป้าปี พ.ศ.2560 ทั้งฝั่งประกันชีวิต และ ฝั่งประกันภัยโตอีกเท่าตัว
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประจำประเทศไทย (Country Manager) และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 นี้ บริษัทฯ ยังคงยึด Brand Essence “ประกันความรักคุณ” เป็นหัวใจหลัก แต่จะยกระดับความมั่นใจในการประกันด้วยการ สร้างการรับรู้ของลูกค้าถึงการเป็นองค์กรที่เป็นเลิศใน 3 ด้าน คือ 1. Best Choice ทำให้ เจนเนอราลี่ กลายเป็น best choice ในใจลูกค้า ด้วยความเป็นเลิศในการบริหารจัดการและเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในแถบยุโรป
2. Best Service เป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพในการให้บริการที่ดีเยี่ยม จากผลตอบรับที่ดีของลูกค้าทุกช่องทางการขายในปัจจุบัน เช่น มีเครือข่ายโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 300 แห่ง มีระบบการเคลมที่รวดเร็ว มี Digital Platform ที่ตอบสนองการบริการได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่าน แอปพลิเคชั่น Generali365 ที่ให้คุณเช็ค ค้นหา โรงพยาบาลที่สะดวก นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายให้แก่ลูกค้าตลอด 365 วัน และบริการอื่นๆ ที่สะดวกรวดเร็ว อย่างเช่นการดาวน์โหลดใบเสร็จกรมธรรม์เพื่อใช้ในการยื่นภาษีได้ง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในยุคปัจจุบัน
3. Best Solution มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายพร้อมรองรับทุก lifestyle และ life stage เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด ทั้งนี้ภายใต้การสร้างองค์กรที่เป็นเลิศ เจนเนอราลี่จะยังเป็นบริษัทนำเสนอ solution ให้ผู้บริโภคได้อย่างตรงความต้องการ (need based offering) พร้อมสร้างผลประโยชน์สูงสุด และตอบสนองในระยะยาว เช่น ล่าสุดแบบประกันควบการลงทุน KKGEN Investlink ยูนิตลิงค์ แบบจ่ายเบี้ยครั้งเดียว (Single Premium) ตอบรับความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ ที่ได้ทั้งความคุ้มครองและคุ้มค่าด้านการลงทุน
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ ทางเจนเนอราลี่ต้องการเป็นหนึ่งในใจของลูกค้า โดย มุ่งพัฒนาบริการใหม่ๆ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “Simpler Smarter Faster” คือการทำทุกขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ทำงานให้ฉลาด และทำให้สำเร็จอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมดำเนินกลยุทธ์ customer centric (การมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง) ที่ให้ความสำคัญกับ “ลูกค้า” มาเป็นอันดับ “หนึ่ง” นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการบุกเบิกการตลาดหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channels) เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกันด้วย
ทั้งนี้ ในด้านการขยายงาน ทางกลุ่มให้ความสำคัญกับตลาดในเอเชียว่าเป็นตลาดที่จะสามารถสร้างการเติบโต และเพิ่มมูลค่าธุรกิจได้ในระยะยาว โดยประเทศไทยเป็น 1 ในตลาดที่สำคัญของภูมิภาคเอเซีย ที่ทางกลุ่มมั่นใจในศักยภาพการขยายธุรกิจ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้ผลงานของปี 2559 ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม ด้านประกันชีวิตมีเบี้ยรับรวม (GWP) โต 26% หรือ 5,702 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2558 ยอด 4,514 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเติบโตจากสายงานผ่านธนาคาร ร้อยละ 50 ที่เหลือจากช่องทางเทเลเซลล์ ประกันกลุ่ม และสายงานตัวแทน ประมาณร้อยละ 5 ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเติบโตด้านนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50
โดยปีที่ผ่านมา ธุรกิจประกันชีวิตของเราเติบโตจากช่องทางตัวแทน ที่มีการจัดการกิจกรรมงานขาย (sales activity management ) กลยุทธ์การเจาะตลาด ( Generali Agency Office) ไปสู่ภูมิภาค ส่งผลให้เรามีจำนวนตัวแทนเติบโตถึง 322 % คิดเป็น 650 คน และ APE โตถึง 558% หรือ 200 คน ส่วนการเติบโตทางช่องทางขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) ธนาคารเกียรตินาคิน ได้ออกผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ หรือประกันควบการลงทุน KKGEN Investlink ซึ่งทำยอดขายได้ถึงกว่า 300 ล้านบาทภายใน 2 เดือนแรก และทิศทางก็ต่อเนื่องมาถึงปี 2560 ด้วยที่ยอดเบี้ยมีเข้ามาไม่ต่ำกว่าเดือนละ 200 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2560 นี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบเท่าตัว ทั้งเดินหน้าขยายช่องทางตัวแทน และขยาย Port ของยูนิตลิงค์ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ มาประยุกต์ใช้ในตลาดประเทศไทย พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเป็นระยะๆ โดยในเร็วๆ นี้จะออกสินค้าประเภทเงินออม ประมาณ 2-3 แบบ ยกตัวอย่าง 14/7 เป็นต้น
ทางด้านเจนเนอราลี่ ประกันภัย ผลการดำเนินงานในปี 2559 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม GWP คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 42% หรือ 759 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2558 ที่มียอด 535 ล้านบาท โดยประกันรถยนต์ (Motor) ที่มีพาร์ทเนอร์อย่าง บริษัท ดวงเจริญโบรกเกอร์ จำกัด และ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์โบรคเกอร์ ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็วถึง 131% และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และสุขภาพ (A&H) โตถึง 92% เรามีสินค้า A&H ที่ดี และสร้างความน่าสนใจกับทางโบรกเกอร์ที่เข้าใจฐานลูกค้า และเห็นว่าสินค้าของเราตอบโจทย์ จึงทำให้เราขยายตัวกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้น จะเริ่มรุกในเรื่อง Digital Platform ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยนำเสนอสินค้าผ่านคอนเท้นท์เชิงบวก และใกล้ชิดกับผู้บริโภค และยังมี Inbound telesales ที่มีประสิทธิภาพคอยรองรับ ทำให้ฝั่งประกันภัยของ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ มีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมร้อยละ 42% สูงกว่าอัตราเติบโตของธุรกิจประกันภัยที่ภาพรวมโตเพียงร้อยละ 1.3% ยกตัวอย่างการประกัน 30 บาท ขายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของบริษัทฯไปได้ไกลยิ่งขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ มุ่งขยายความคุ้มครองธุรกิจขนาดใหญ่ เช่นการก่อสร้าง C&C หรือ Corporate and Commercial A&H โดย C&C มีแผนรุกในการสร้างฐานตลาด SME เสนอผลิตภัณฑ์ตอบสนอง need base เจ้าของธุรกิจ และในส่วนของ Large Corporate เราได้รับการส่งเสริมจากบริษัทแม่ทำให้เราสามารถรองรับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ และเรายังเสริมด้วยการออกสินค้าด้านการคุ้มครองวิชาชีพเฉพาะทาง Professionalism Protection เช่น วิศวกร หรือ สถาปนิก และการคุ้มครองกรรมการบริษัทจากความเสี่ยงด้านการฟ้องร้องเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
“หลายปีที่ผ่านมาหลังจากภาวะน้ำท่วม การประท้วงฯลฯ ผ่านพ้นไป อัตราเบี้ยประกันภัยในส่วนของ Corporate and Commercial ราคาลดลงอย่างมาก ในปีที่ผ่านมาจึงเติบโตไม่มาก แต่คิดว่าในปี 2560 ทิศทางน่าจะดีขึ้น เนื่องจากกลางปี 2559 ทางบริษัทแม่ให้การสนับสนุนโดยการเพิ่มความสามารถในการรับประกันภัยให้กับประเทศไทย ดังนั้น ปีนี้จึงมีการเพิ่มการรับประกันทางการเงิน เพิ่มมากขึ้น”
สิ่งที่กำลังจะเพิ่มเติมในขณะนี้คือเรื่องกฎหมายดิจิตอล ต้องการให้เป็นดิจิตอลแพลทฟอร์มมากยิ่งขึ้น นอกจากแค่เพียงลูกค้ามองเห็นเราผ่านโซเชียลมีเดีย หรือโซเดียลเน็ตเวิร์กแล้ว อนาคตต้องการให้เป็นดิจิตอลแพลทฟอร์มสมบูรณ์แบบ รองรับกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ขณะนี้รอให้ทางสำนักงานคปภ.พิจารณาก่อนประกาศใช้ในรูปแบบเดียวกัน 
