22 มีนาคม 2560 : เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว เผยนโยบายการดำเนินธุรกิจปี 2560 มุ่งขยายตลาดและเสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านไอที ซีเคียวริตี้ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน คาดหวังเป้ารายได้โต 15% และสามารถเข้าช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายนักรบ เนียมนามธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด เปิดเผยถึง นโยบายและกลยุทธ์การทำตลาดในปี 2560 มีการวางแผนขยายตลาดและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านไอที ซีเคียวริตี้ อาทิ SOLUS (การยืนยันตัวตนแบบ Multi Factor Authentication โดยข้อมูลทาง Biometric รวมความสามารถของเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Eyeprint และ PINPad ) , Menlo Security ( เทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันโดยสร้างคลาวด์ขึ้นมาเพื่อกักมัลแวร์ไว้ กันให้ผู้ใช้รอดพ้นจากภัยร้ายต่างๆ ) และ ไซเมนเทค ที่เข้าซื้อกิจการบลูโค้ท และดาต้า ล็อกเกอร์ (Data Locker) ซึ่งผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยการเข้ารหัสการเก็บรักษาข้อมูล พร้อมตั้งเป้าการเติบโตในปี 2560 ที่ 15 เปอร์เซนต์
สำหรับแนวโน้มผลิตภัณฑ์ไอที ซีเคียวริตี้ที่มาแรงในปี 2560 มองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยในศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้าน Traffic visibility ในการนำข้อมูลในดาต้า เซ็นเตอร์ ใช้วิเคราะห์และวัดประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ตอบโจทย์องค์กรธุรกิจที่มีการใช้งานหรือการให้บริการระบบคลาวด์ ทั้งคลาวด์ส่วนตัว และคลาวด์สาธารณะ
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนในตลาดซอฟต์แวร์ ในการปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ขององค์กร (Endpoint Security) หลังจากที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยจะสังเกตเห็นว่ามีผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก โดยทั้งหมดได้มีการนำเสนอเทคโนโลยีที่สามารถช่วยป้องกันมัลแวร์ชนิดใหม่ๆได้ ทั้งตลาดยังมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะมีผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 20 ราย เนื่องจากทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะโมบาย พีซี และโน้ตบุ๊ก ต้องมีระบบความปลอดภัยระดับเอนด์พอยต์ สิ่งที่สามารถตอบโจทย์ตลาดเอนด์ พอยต์ ในยุคนี้ได้มากที่สุด คือ เน็กซ์ เจน เอนด์พอยต์ (Next Gen Endpoint Security) หมายถึง ระบบที่สามารถรับรู้และเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ได้
รวมถึงการใช้งานข้ามแพลทฟอร์มของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ และซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลเพื่อระบุตัวตนผู้ใช้ (Identity Management) เนื่องจากในปัจจุบันมีการใช้งานระบบคลาวด์มากขึ้น จึงยากที่จะตรวจสอบของผู้เข้าใช้ระบบได้ ระบบการพิสูจน์ตัวตน (authentication) ซึ่งใช้รหัสผ่านยังคงไม่ปลอดภัย เพราะรหัสผ่านสามารถโดนขโมยได้ ดังนั้นการระบุตัวตนได้อย่างแม่นยำและซับซ้อนขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยสามารถใช้ระบบพิสูจน์ตัวตนใน 2 รูปแบบ คือ โทเคน (token) และ ไบโอเมทริกซ์ (biometric)
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีอัตราการเติบโต 12% คิดเป็นรายได้ 3,500 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 ตั้งเป้าการเติบโต 15%