20 มีนาคม 2560 : ในวาระครบรอบ 9 ปี กองทุนประกันชีวิต – กองทุนประกันวินาศภัย เดินหน้าประกาศยุทธศาสตร์ ปี 2560 – 2562 มุ่งเน้นนโยบายคุ้มครองและส่งเสริมความเชื่อมั่นให้ประชาชนผู้เอาประกันภัย พร้อมยกระดับกองทุนสู่มาตรฐานสากล ด้านกองทุนประกันวินาศภัย เตรียมเดินหน้าจ่ายเงินล็อตแรก 8 บริษัทประกันวินาศภัยที่ประกาศปิดตัวตั้งแต่ ปี 2552 จำนวนกว่า 299 ล้านบาท 8,419 คำขอ
นายสมชาย ดำรงสุนทรชัย ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต เปิดเผยว่า กองทุนประกันชีวิตจัดตั้งขึ้นมาครบรอบ 9 ปี ในการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือกรมธรรม์ขาดส่ง และทิ้งความคุ้มครอง โดยมีทุนจดทะเบียน 78 ล้านบาท ปัจจุบันมีกองทุน 4,600 ล้านบาท โดยมาจากการสมทบของบริษัทประกันชีวิต จากยอดเบี้ยประกันรับจ่ายสมทบเข้ากองทุนมา 0.10% ของเบี้ยประกันรับรวม คิดเป็น 90% และอีก 10% มาจากเงินที่ผู้เอาประกันซื้อประกันแต่ขาดส่งกรมธรรม์ (กรมธรรม์กำพร้า) ซึ่งเฉลี่ยมีเงินเข้ามาสมทบกองทุนปีละ 400-500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีแรกทางกองทุนฯ ติดตามให้ผู้เอาประกันภัยมารับสิทธิเงินคืนจำนวนทั้งหมด 1 ล้านบาท เท่านั้น เนื่องจากผู้เอาประกันภัยหรือญาติผู้เอาประกันภัยไม่ทราบว่ามีสิทธิที่จะได้รับเงินจากกองทุนฯ แต่ปัจจุบันยอดสิ้นปี 2559 มีผู้มาใช้สิทธิของรับเงินคิดเป็นมูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งรายใหญ่ที่จ่ายคืนประมาณ 2 แสนบาท รายเล็กสุดมูลค่า 500 บาท ส่วนปี 2560 คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 600-700 ราย
นอกจากนี้ กองทุนประกันชีวิต ยังกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2560-2562) มีเป้าหมายพัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งคาดว่าในปี 2561-2562 จะสามารถให้ประชาชนคีย์เลขบัตรประชาชน 13 หลักตรวจสอบสิทธิของตนเองได้ รวมถึงพัฒนากองทุนให้เป็นมาตรฐานสากล สานความสัมพันธ์กับกองทุนคุ้มครองผู้เอาประกันชีวิตในต่างประเทศ ในฐานะที่ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิตได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารของที่ประชุมนานาชาติ เพื่อการคุ้มครองผู้เอาประกันภัย International Forum of Insurance Guarantee Schemes (IFIGS) ซึ่งมีสมาชิกจาก 24 ประเทศทั่วโลก
ขณะเดียวกันทางด้าน นางกมลวรรณ กีรติสมิต ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต จำนวน 8 บริษัท ประกอบด้วย บจก.สัมพันธ์ประกันภัย บจก. เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนลอินชัวร์รันส์ บจก.วิคเตอรี่ประกันภัย (ประเทศไทย) บจก.ลิเบอร์ตี้ประกันภัย บจก.ส่งเสริมประกันภัย บมจ.ยูเนี่ยนอินเตอร์ประกันภัย บมจ.ศูนย์สุขภาพประเทศไทย และ บมจ.สัญญาประกันภัย ส่งผลให้มีประชาชนเข้ายื่นคำร้องต่อกองทุนประกันวินาศภัย และกรมบังคับคดี ประมาณ 25,000 คำขอ
โดยในปีนี้มีคำขอที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันวินาศภัยแล้ว จำนวน 8,419 คำขอ รวมเป็นเงินที่ต้องชำระจำนวน 299,545,706 บาท กองทุนฯ ได้ดำเนินการส่งจดหมายแจ้งจำนวนเงินที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับพร้อมเอกสารแนบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินงานรวบรวมและตรวจสอบเอกสารตอบกลับจากเจ้าหนี้ เพื่อดำเนินการชำระเงินให้เจ้าหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในปี 2560 กองทุนฯ จะเริ่มจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้ 3 บริษัท ได้แก่ สัมพันธ์ประกันภัย ส่งเสริมประกันภัย และศูนย์สุขภาพ ในล็อตแรก จำนวน 564 ราย คิดเป็นมูลค่า 31 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการจ่ายเงินได้ภายใน 60 วัน ส่วนที่เหลืออีก 5 บริษัท ขณะบริษัทปิดกิจการมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จึงสามารถนำทรัพย์สินมาชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันได้ทั่วถึงกัน แต่กำหนดจ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท/ราย เท่านั้น
สำหรับทิศทางธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2560 คาดว่าจะมีการเติบโตในอัตรา 2-3% จากสิ้นปี 2559 ที่คาดว่าจะโตที่อัตรา 2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตหลักๆ มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ซึ่งตลาดคาดการณ์ไว้ประมาณ 3-4% โดยเฉพาะปัจจัยจากการลงทุนโครงการภาครัฐและการเบิกจ่าย ขณะเดียวกันแนวโน้มภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวมีสัญญาณดีขึ้น
ส่วนแผนยุทธศาสตร์กองทุนประกันวินาศภัย ระยะ 3 ปี ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 บริหารการจัดการด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพ : คุ้มครองสิทธิประโยชน์ทางด้านการเงินของเจ้าหนี้บริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรการที่ 2 เสริมสร้างความรู้กองทุนประกันวินาศภัยของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย มาตรการที่ 3 การบริหารจัดการภายในกองทุนประกันวินาศภัย
และมาตรการที่ 4 ด้านนวัตกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกองทุนประกันวินาศภัย“กองทุนประกันวินาศภัย มุ่งเน้นในการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าประสงค์ ดังกล่าว ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์และส่งเสริมธุรกิจประกันวินาศภัยให้ยั่งยืน” นางกมลวรรณ กล่าว