15 มีนาคม 2560 : ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (THBAM) เปิดเผยว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมากองทุนรวมที่บริษัทจัดการเติบโตต่อเนื่องจนมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ(AUM) ถึงกว่า 3 แสนล้านบาท มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม ซึ่งล่าสุดมี.ค. 60 บริษัทมี AUM อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท จากสิ้นเดือนธ.ค.ปี 59 อยู่ที่ 305,972 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 41.6% จากสิ้นปี 58 ที่ 216,126 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้สร้างแนวทางและนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนเข้าใจได้ง่าย เช่น กองทุนดัชนีประเภท Pure index Fund ในตระกูล SET 50 ซึ่งประกอบไปด้วย กองทุนเปิดทหารไทย SET 50 กองทุนเปิดทหารไทย SET 50 ปันผล และ กองทุนเปิดทหารไทย SET 50 RMF ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 11,759 ล้านบาท ณ วันที่ 14 มี.ค. 60 ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึง 13 มี.ค. 60 อยู่ที่ 14.54% ต่อปี
กองทุนดัชนีประเภท Rule Base ในตระกูล Jumbo 25 ที่ประกอบด้วยกองทุนเปิด Jumbo 25 กองทุนเปิด Jumbo 25 RMF กองทุนเปิด Jumbo 25 LTF และ กองทุนเปิด Jumbo Plus LTF ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 15,850 ล้านบาท ณ วันที่ 14 มี.ค. 60
สำหรับธุรกิจกองทุนรวมในปี 59 พบว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีความไม่นอนสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำลงอย่างเป็นปรากฏการณ์นั้นได้นำโลกเข้าสู่ยุคที่เรียกกัน โดยทั่วไปว่า New Normal อย่างเต็มตัว การลงทุนที่เสี่ยงต่ำ ได้ผลตอบแทนน้อยลงมาก ในขณะที่การลงทุนให้ผลตอบแทนสูงก็มีความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนยสำคัญนักลงทุนจึงพยายามแสวงหาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่เข้าใจได้ง่ายให้ผลตอบแทนที่สูงพอประมาณขณะที่มีความผันผวนที่ไม่สูงจนเกินไป
โดยเฉพาะกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน ปัจจุบัน AUM ของกองทุนได้เติบโตถึง 106,346 ล้านบาท ณ สิ้นปี 14 มี.ค. 60 และ กองทุนเปิดทหารไทย Global income ที่ทีมงานได้กลั่นกรองและ คัดสรรกองทุนทั่วโลกจนได้เป็นพันธมิตรกับ PIMCO
ซึ่งกองทุนหลัก(Master Fund-PIMCO GIS Income Fund) มีประวัติที่สามารถสร้างผลตอบแทนในรูปแบบปันผลได้อย่างสม่ำเสมอบริษัทได้จัดตั้งกองทุนเปิดทหารไทย Global income ขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.59 ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิถึง 42,855 ล้านบาท ณ วันที่ 13 มี.ค.60 ตอบโจทย์หลักของผู้ลงทุน คือ สามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่ผู้ลงทุนมาโดยตลอดทุกไตรมาสผ่านการขายคืนอัตโนมัติ(Auto Redemption) โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนสะสมได้ถึง 6% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(ในระยะเวลาประมาณ 10 เดือน)
นอกจากนี้ บริษัทได้ช่วยบริหารจัดการลงทุนในลักษณะกองทุนเดี่ยว คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ซึ่งจดทะเบียนแล้วยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยมสูงสุดด้วย 2 ปีซ้อนในประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีขนาดเล็กกว่า 1,000 ล้านบาทเช่นกัน(ประจำปี58-59)
ส่วนกลยุทธ์ในการบริหารงานในปี 60 ยังยืนหยัดในการเป็น “คู่ชีวิตการลงทุน : Life Partner” ได้อย่างแท้จริง รวมถึงการขยายฐานผู้ลงทุนให้เพิ่มขึ้น ประกอบด้วยกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ที่ผสมผสานการให้ความรู้ทางการลงทุน (Educational Marketing) การสื่อสารการตลาดแบบ
บูรณาการเบ็ดเสร็จ และระบบธุรกรรมออนไลน์อันปี่ยมประสิทธิภาพ เป็นสำคัญ และเติมเต็มด้วยการพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับยุคสมัยดิจิตอลกับพฤติกรรมของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่การพัฒนาต่อยอดโปรแกรมแบบจำลองการลงทุนและติดตามผลออนไลน์ที่เราเรียกว่าโปรแกรม My Dream สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปในการลงทุนในกองทุนรวม และโปรแกรม Retire Rich Workbook สำหรับพนักงาน ลูกจ้างบริษัทเอกชนในการลงทุนในการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
“สำหรับเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้าคาดหวังว่ากองทุนรวมจะมีทรัพย์สินรวม 5 แสนล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน (2558) 16,000 ล้านบาท และ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 18,835 ล้านบาท เติบโต 13.8%” ดร.สมจินต์กล่าว