14 มีนาคม 2560 : เอไลฟ์ ประกันชีวิต เปิดแผนธุรกิจปี 60 รุกขยายการเติบโตต่อเนื่อง เน้นชูกลยุทธ์ 3P บวกบริการหลังการขายผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในยุคดิจิตัล พร้อมยึดแนวทางการให้บริการวางแผนการเงิน ด้วยการนำเสนอการสร้างพอร์ตลดความผันผวนด้วยประกันชีวิต + กองทุนรวม ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 3.25% ที่บูธเอไลฟ์ในงาน SET in the City 2017 วันที่ 23 – 26 มีนาคมนี้ ตั้งเป้าปี 60 เติบโตด้านเบี้ยรับรวมไม่น้อยกว่า 38%
นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2560 ตั้งเป้าหมายด้านเบี้ยรับรวม 1,508 ล้านบาท เติบโต 38% ภายใต้กรอบกลยุทธ์ 3P ควบคู่กับการให้บริการหลังการขายผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน พร้อมยึดแนวทางการให้บริการวางแผนการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นนโยบายที่บริษัทได้ดำเนินมาโดยตลอด มั่นใจเดินหน้าขยายการเติบโตด้านรายได้ตามเป้าที่วางไว้ ประกอบกับผลการดำเนินงานปี 2559 ที่ผ่านมาเอไลฟ์สามารถทำกำไรสุทธิได้ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% มีสินทรัพย์รวม 4,975 ล้าน เพิ่มขึ้น 9% โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินทรัพย์ลงทุน 9% โดยมีสินทรัพย์ลงทุนรวม 4,537 ล้านบาท และมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 1,087 ล้านบาท
“เอไลฟ์ยังคงยึดแนวทางการให้บริการวางแผนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เอไลฟ์เน้น กลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ลงทุนให้กับลูกค้า ด้วยการจัดสรรผลิตภัณฑ์การเงินและการลงทุนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองเป้าหมายทางการเงินตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าแต่ละราย ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์ที่จะมานำเสนอให้กับลูกค้ามีทั้งผลิตภัณฑ์ประเภทสะสมทรัพย์ อาทิ 3/3 (ผลตอบแทน 3.25%), 2/1 (ผลตอบแทน 3%) ประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมทั้งกองทุนประเภทตราสารหนี้ ตราสารทุนหลายร้อยกองทุน”
ทั้งนี้ในส่วนของกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจปี 2560 เอไลฟ์ยังคงดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ 3P ตามที่ได้มีการวางแผนไว้ ซึ่งประกอบไปด้วย Product, People และ Process โดยในส่วนของกลยุทธ์ Product ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดในเรื่องผลตอบแทน ซึ่งที่ผ่านมาเอไลฟ์มั่นใจได้ว่าผลตอบแทนที่นำเสนอให้กับลูกค้านั้นอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรม เนื่องจากระบบการให้บริการของเอไลฟ์ผ่านที่ปรึกษาทางการเงินจะไม่มีรูปแบบการจ่ายค่าคอมมิชชั่น ดังนั้นเอไลฟ์จึงสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดได้อย่างแน่นอน
กลยุทธ์ People ในส่วนของตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Wealth Assistant ได้สร้างโมเดล Wealth Assistant ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแนะนำการลงทุนและประกันภัย ด้วยการฝึกอบรมและสอบใบอนุญาตทั้งในด้านประกันชีวิต ประกันวินาศภัย รวมทั้ง Single License โดยบริษัทมีสถาบันสอนและติวหลักสูตรต่างๆ ภายในบริษัท เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่
กลยุทธ์ Process นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สนับสนุนการให้บริการหลังการขายผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าคนสำคัญของเอไลฟ์ ด้วยการลงทุนในโครงการ A Smart @ A – LIFE ที่ให้ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตของตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น A SMART ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต สัญญาเพิ่มเติม ตรวจสอบโรงพยาบาลในเครือ ดาวน์โหลดแบบฟอร์มเอกสารต่างๆ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพียงลูกค้าแสดงหน้าแอพพลิเคชั่น A SMART ของตนเอง ก็สามารถเข้ารับบริการรักษาพยาบาลผ่านโรงพยาบาลในเครือต่างๆ ได้ทันที ซึ่งจะทำให้หมดปัญหาเรื่องการลืมบัตรหรือทำบัตรสูญหายเพราะลูกค้าไม่ต้องพกบัตรประกันสุขภาพให้ยุ่งยากอีกต่อไป
ทั้งนี้ A SMART ยังมีระบบการแจ้งเตือนการรับคูปองผลตอบแทน การต่ออายุกรมธรรม์ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ลูกค้าไม่พลาดการได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสิทธิ์ในการรับรู้ข่าวสาร กิจกรรมการตลาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรโมชั่น และสิทธิพิเศษอื่นๆ ก่อนใคร นับว่าเป็นสิทธิประโยชน์สูงสุดที่ลูกค้าจะได้รับจากการทำประกันชีวิตกับเอไลฟ์ โดยเอไลฟ์จะเปิดตัว A SMART อย่างเป็นทางการ และเปิดให้ลูกค้า ผู้ร่วมงานทดลองใช้เป็นครั้งแรกที่บูธเอไลฟ์ หมายเลข B107 – 108 ในงาน SET in the City 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 23 – 26 มีนาคม 2560 ณ รอยัล พารากอนฮอล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
นอกจากนี้เอไลฟ์ยังคงให้ความสำคัญ และพร้อมเดินหน้าในแนวทางการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่ครอบคลุมทุกช่องทางการสื่อสาร เพราะช่องทางดังกล่าวสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพการสื่อสารระหว่างลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Facebook, LINE @alifeplan, YouTube รวมถึง A SMART อีกด้วย
นายเชาวพันธุ์ กล่าวต่อว่า การบริหารพอร์ตการลงทุนของบริษัท เน้นการกระจายความเสี่ยงและบริหารจัดการสินทรัพย์ลงทุนตามความเสี่ยงตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่มีภาระตั้งสำรองเพิ่ม และรักษาระดับอัตราการดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยงที่184 % ถือว่า ยังสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งยังสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่มุ่งนำเสนอผลตอบแทนสูงให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออมทรัพย์ระยะสั้น ผลตอบแทนเฉลี่ย4-5%
สอดคล้องกับเป้าหมายทางด้านเบี้ยรับรวมของบริษัทในปีนี้ตั้งไว้เติบโต 38% ที่ 1,508 ล้านบาท เป็นเบี้ยใหม่ 1,078ล้านบาท เติบโต 60% ในจำนวนนี้มาจากช่องทางที่ปรึกษาการเงินกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง 70% ช่องทางขายผ่านโทรศัพท์ 20% และลูกค้าประกันกลุ่ม 10% จากปีก่อนบริษัทมีเบี้ยรับรวม 1,087ล้านบาท เป็นเบี้ยใหม่ประมาณ600ล้านบาท สามารถทำกำไรสุทธ์ได้ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% มีสินทรัพย์รวม 4,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินทรัพย์การลงทุน 9% โดยมีสินทรัพย์ลงทุนรวม 4,537 ล้านบาท