22 กุมภาพันธ์ 2560 : ฟอลคอนประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปี 2560 แตะ 2,000 ล้านบาท เร่งปรับองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อสอดรับการขายประกันผ่านมือถือ เพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมรับประกันงานภาครัฐ ส่วนรถยนต์ หาดีลเลอร์เพื่อขยายพอร์ตงาน และขยายบริการซ่อมรถยนต์ด่วน Fast Track Claim
นางโสภา กาญจนรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในด้านโครงสร้างบริหารและการจัดการ เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน เพิ่มความคล่องตัวในการปฎิบัติงาน และยังสามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการได้อีกทางหนึ่ง โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงานทั้งภายในองค์กร
การให้บริการลูกค้าและพันธมิตรทางการค้า อาทิการใช้ Workflow System และ Electronic Document มาจัดการกระบวนการรับประกันภัย การออกกรมธรรม์ การบริการสินไหม ตลอดจนการจ่ายชำระสินไหม การพัฒนาบุคลากรด้วยระบบ E-Learning การนำเสนอและการขายประกันภัยผ่านระบบ E-Commerce ให้แก่ลูกค้ารายเดี่ยว การส่งกรมธรรม์แบบอิเล็คทรอนิกส์ (E-Policy) ให้แก่ลูกค้ารายเดี่ยวและลูกค้าองค์กร รวมถึงการพัฒนาการจ่ายสินไหมผ่านระบบ E-Payment ตลอดจนการใช้ Electronic Admin system ภายในองค์กร
ในปี 2560 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมไว้ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท หรือเติบโตด้วยอัตรา 15% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,743 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นกว่าปี 2558 ประมาณ 92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.5% โดยมีเบี้ยจากกลุ่มผลิตภัณฑ์รายย่อย 883 ล้านบาท คิดเป็น 51% จากกลุ่มธุรกิจองค์กร 860 ล้านบาท คิดเป็น 49% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน 570 ล้านบาท ประกันภัยรถยนต์ 509 ล้านบาท ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 333 ล้านบาท ประกันภัยวิศวกรรม 98 ล้านบาท ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 197 ล้านบาท และประกันภัยการขนส่งทางทะเล 36 ล้านบาท ซึ่งนับว่าฟอลคอนประกันภัย ยังสามารถเติบโตกว่าตลาดที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 2%
ปีนี้เราเริ่มขยายธุรกิจในพอร์ตที่จะสร้างกำไรได้ ได้แก่การประกันทรัพย์สิน ก่อสร้างภาครัฐ 5 โครงการ ขนาดใหญ่ หรือ รถไฟฟ้าหลากสี ซึ่งเชื่อว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นอานิสงค์ให้เบี้ยประกันเติบโตตามไปด้วย และบริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าไปรับงานเนื่องจากมีพาร์ทเนอร์ ที่เป็นคู่กัน ภายใต้ชื่อ brit (บริต) ที่มีศักยภาพรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่เได้ ด้านประกันรถยนต์ ปีนี้จะขยายไปยังดีลเลอร์ ภาคกลาง กรุงเทพ ภาคตะวันออก
นอกจากนั้น ตั้งเป้าเติบโตรถยนต์กลุ่ม (มอเตอร์ฟีด) เพื่อขยายการรับประกันในกลุ่มรถใหญ่มากขึ้น รวมถึงรถจักรยานยนต์ร่วมด้วย ส่วนการประกันภัยเบ็ดเตล็ด เป็นไฮไลท์ ตัวหนึ่ง ได้รับการตอบรับดี ได้แก่ การขยายระยะเวลาการรับประกันภัย ซึ่งปีที่ผ่านมารับประกันเครื่องใช้ไฟฟ้า และขยายไปยังมือถือ ล่าสุดกำลังศึกษาไปยังรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพิ่มด้วย
นางโสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ฟอลคอนฯ ได้มีการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมด้วยความหลากหลายของกรมธรรม์ที่ครอบคลุมทั้งทรัพย์สินและสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ สามารถเลือกซื้อประกันภัยได้ตลอด 24 ชม. ด้วยแผนกรมธรรม์ที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ในราคาที่เป็นธรรม สามารถกำหนดวันในการเริ่มรับประกันภัยและวันต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยได้ด้วยตนเอง เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่มีภาระต้องซื้อกรมธรรม์หรือต่ออายุกรมธรรม์มากกว่า 1 ฉบับ
พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัว Package สินค้าใหม่ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเป็น Package โดยได้ความคุ้มครองทั้งทรัพย์สินและสุขภาพในการซื้อครั้งเดียว นอกจากนี้ ฟอลคอนประกันภัยยังได้เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการสินไหม Fast Track Claim ที่พร้อมจ่ายสินไหมภายใน 7 วัน สำหรับวงเงินค่าสินไหมที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท และภายใน 14 วันสำหรับการจ่ายค่าสินไหมที่มีวงเงิน 10 ล้านบาทขึ้นไป
รวมถึงเตรียมเปิดบริการด้านการให้บริการสินไหมรถยนต์รูปแบบใหม่ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ด้วยการซ่อมรถในห้างสรรพสินค้า โดยให้บริการซ่อมแผลเฉี่ยวชนเล็กๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง ภายใต้แนวคิด จอดรถ ดูหนัง ทานข้าว กลับมารับรถที่ซ่อมเสร็จ ขับกลับบ้านได้เลย โดยบริการนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถทุกวัน
ในอีก 10 ปีข้างหน้าที่เปลี่ยนไป ต้องการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยด้วยตนเอง (Consumer Choice) ผ่านช่องทาง electronic นั้น ส่งผลให้ธุรกิจประกันจะต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ ในส่วนของฟอลคอนประกันภัยเอง มีความพร้อมสำหรับการแข่งขันกับตลาดในอนาคตแล้วในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเงินทุนของบริษัทฯ และความแข็งแกร่งด้านการเงินจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บุคลากรที่มากด้วยประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในการพิจารณารับประกันภัย และการพิจารณาสินไหม ในส่วนของเทคโนโลยี ฟอลคอนประกันภัยได้เตรียมพร้อมเพื่อสามารถตอบสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล Thailand 4.0 และพร้อมรองรับกฏหมายเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่หน่วยงานภาครัฐเตรียมประกาศใช้ รวมถึงความตั้งใจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในด้านความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าด้วยมาตรฐานสากล ISO27001”
นางโสภา กล่าวปิดท้ายว่า “หากมองถึงทิศทางของธุรกิจประกันวินาศภัยในอีก 10 ปีข้างหน้า ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ น่าจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านทัศนคติเชิงบวกต่อการประกันภัย รวมถึงลูกค้าสามารถรับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญในการทำประกันเพื่อบริหารความเสี่ยงของชีวิตและทรัพย์สิน โดยในอนาคตผู้บริโภคจะสามารถเข้าใจผลิตภัณฑ์ประกันภัยได้ดีขึ้นจากการหาข้อมูล Contents จาก Social Network และแน่นอนว่าประกันภัยจะมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ มีรูปแบบการเสนอขายผ่านหลายช่องทาง และจะเข้ามามีบทบาทอย่างใกล้ชิดต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่มุ่งเน้นการลงทุนทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของธุรกิจประกันภัย ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยและบริการด้านสินไหมได้สะดวก รวดเร็ว โดยหน่วยงานภาครัฐจะปรับบทบาทในการช่วยปรับแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายนี้
ซึ่งปี 2560 นับเป็น ‘ปีแห่งการขับเคลื่อนการประกันภัยสู่ยุคดิจิทัล’ ฟอลคอนประกันภัยฯ เป็นหนึ่งในธุรกิจประกันวินาศภัยไทยที่เตรียมพร้อมก้าวสู่ประกันภัยยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบและมีมาตรฐานสากล ISO27001 รองรับสำหรับระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับสากล และมีศักยภาพในการให้บริการในยุคดิจิทัล สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจ Thailand 4.0 อย่างแน่นอน”
อนึ่ง : ปัจจุบัน ฟอลคอนประกันภัยมีเงินทุนกว่า 500 ล้านบาท เริ่มประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ในปี พ.ศ. 2549 โดยการร่วมทุนระหว่าง บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ Falcon Insurance Company (Hong Kong) Limited ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Fairfax Financial Holdings Limited ผู้ให้บริการด้านการเงินที่มั่นคงรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่โตรอนโต ภายใต้ชื่อ “FFH” มีสินทรัพย์มากกว่า 1.4 ล้านล้านบาท และมีทุนมากกว่า 3 แสนล้านบาท
Fairfax ประกอบธุรกิจทั้งในส่วนของประกันวินาศภัย การรับประกันภัยต่อ และธุรกิจ Run off อยู่ในหลายภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย ในเอเชีย Fairfax ประกอบกิจการประกันวินาศภัยอยู่ในประเทศ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ศรีลังกา และไทย ในส่วนของธุรกิจการรับประกันภัยต่อ Fairfax ประกอบกิจการในประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย