9 กุมภาพันธ์ 2560 : นางนุสรา อัสสกุล บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก FYP อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 10% เทียบจากปี 2559 และเบี้ยรับรวม 12,708 ล้านบาท โดยมาจากการขยายฐานลูกค้าที่มีรายได้ประจำตามหัวเมืองใหญ่ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ก็ยังรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยผ่านการขายแบบประกันตามความต้องการของลูกค้า เช่น แบบประกันความคุ้มครอง และสะสมทรัพย์

ซึ่งปีนี้บริษัทยังได้พัฒนาระบบดิจิตอลมาใช้งาน ให้ลูกค้ามีความสะดวกขึ้นในอนาคต เพื่อความสะดวกในการขยายงานผ่านสมาร์ทโฟน หรือ มือถือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา บริการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ซึ่งบริษัทได้จับมือกับธนาคารกรุงเทพ ในการพัฒนาและเพิ่มช่องทางการรับเงิดสดตามเงื่อนไขให้กับลูกค้า วงเงินไม่เกิน 200,000 บาทผ่านเคาท์เตอร์ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบเงินสดหรือเงินโอนเข้าบัญชีได้ทุกธนาคาร โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม หรือ BBL E-Cheque

พร้อมกันนี้ ได้สร้างบริการทางเลือกใหม่ Ocean Life Easy Pay ให้กับลูกค้าในการบริการ Barcode SMS เพื่อให้ลูกค้าสามารถชำระเบี้ยประกันได้ผ่านทาง SMS ที่แจ้งเตือนในมือถือ โดยลูกค้าสามารถนำบาร์โค้ดบนมือถือไปชำระผ่านจุดบริการ Bill Payment ได้ทันที อาทิ เคาท์เตอร์เซอร์วิส บิ๊กซี เทสโก้ โลตัสและธนาคาร

“ปีนี้เราพัฒนาปรับปรุงในด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยนวัตกรรมต่างๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เช่น ระบบบริการลูกค้า Ocean life iService, BBL E-Cheque, Ocean Life Easy Pay และE-Ocean Care Card เป็นต้น” นางนุสรา กล่าว

นอกจากนี้ ทางด้านผลิตภัณฑ์จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยจะมีผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ และผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแบบประกันที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน สะดวกและง่ายที่จะเลือกซื้อ ขณะที่ช่องทางจำหน่าย มุ่งเน้นสร้างฐานลูกค้าใหม่จากช่องทางขายอื่นนอกจากช่องทางตัวแทน พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิมในทุกพื้นที่ รวมทั้งจะสร้างตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 5,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน

ด้านนางสาวสุวรรณ อุดมเฉลิมเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลงทุน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนทั้งหมด 90,000 กว่าล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นพันธบัตร 40%, หุ้นกู้ 30% กว่า, หุ้น 2-3% และอื่นๆ เช่น การให้สินเชื่อ และเงินฝาก เป็นต้น ทั้งนี้ ในปี 59 บริษัทได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 5.85% อย่างไรก็ตามในปี 2560 คาดว่าผลตอบแทนจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่สัดส่วนพอร์ตลงทุนบริษัทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้

“โดยทั่วไปบริษัทประกันจะให้น้ำหนักการลงทุนให้ไปที่พันธบัตรเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าให้ลงพันธบัตรทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ดูได้จากปีที่ผ่านมาดอกเบี้ยต่ำมาก จึงยังคงสัดส่วนพันธบัตรไว้ที่ 40% เท่าเดิมแต่ปีนี้ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้นอาจมีการเพิ่มสัดส่วนบ้าง ต้องดูโอกาสและเวลาที่เหมาะสม ส่วนพอร์ตหุ้นอาจมีการขยับสัดส่วนบ้างถ้าทิศทางตลาดหุ้นดีขึ้น แต่ช่วงนี้ที่ยังไม่เพิ่มการลงทุนในหุ้น เพราะตลาดหุ้นไทยยังผันผวน ขณะที่ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าผลตอบแทนจะใกล้เคียง หรือไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น สัดส่วนของพอร์ตลงทุนก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ ต้องดูจังหวะ และเวลาก่อน” นางสาวสุวรรณ กล่าว