7 กุมภาพันธ์ 2560 : นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ. จะชะลอการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม หรือ วินด์ฟาร์ม ที่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 11 ราย กำลังผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ เพื่อรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงการเช่าใช้ที่ดิน สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ที่จะมีความชัดเจนในอีก 1-2 สัปดาห์ ขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้า 4 รายที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว กำลังผลิตรวม 354 เมกะวัตต์ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามปกติ แต่ต้องรอคำตัดสินจาก ส.ป.ก. ว่าเข้าข่ายถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่

ทั้งนี้ ยอมรับว่า หากผู้ผลิตไฟฟ้าทุกรายต้องยุติกิจการ จะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่า 8.4-9.4 หมื่นล้านบาท แต่จะไม่กระทบต่อสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2015 เพราะขณะนี้มีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแล้วกว่า 9,000 เมกะวัตต์ ทั้งที่กำหนดสัดส่วนรับซื้อไว้เพียง 16,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2579 หรือในอีก 20 ปี

อย่างไรก็ตาม โครงการวินด์ฟาร์มยังมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต แม้ ส.ป.ก. ตีความตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนใบอนุญาตของผู้ประกอบการทุกราย เนื่องจากพื้นที่โครงการวินด์ฟาร์มยังสามารถสร้างประโยชน์ให้เกษตรกรได้ เช่น ให้เกษตรกรเข้ามาปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ตั้งกังหันลม ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ต่างจากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ขัดหลักเกณฑ์ของ ส.ป.ก. โดยตรง เพราะการตั้งแผงโซลาร์บนพื้นดิน ทำให้เกษตรกรไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ และการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูงในเขตชุมชน เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานลมไปยังพื้นที่ต่างๆ เป็นไปตามกฎระเบียบที่วางไว้ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ อีกทั้งในปี 2558 กกพ. ได้ออกหลักเกณฑ์เรื่องระยะห่างในการตั้งเสาอย่างชัดเจน จึงมั่นใจได้ว่าจะมีการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม