WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 14 มีนาคม 2568 ติดต่อเรา
เร่งเครื่องเรียกความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย

12 มีนาคม 2568 : ธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำกับดูแลกิจการให้มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลักธรรมาภิบาลมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าขององค์กรในระยะยาว

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาล เช่น หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance Code: CG Code) เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนปฏิบัติตามหลักความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม หลักธรรมาภิบาลเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีคุณธรรม และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับสากล

แม้ว่าจะมีกฎเกณฑ์คุมควบที่ชัดเจน แต่ก็เกิดการทุจริตในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และความคืบหน้าเอาผิดก็ล่าช้า และสิ่งที่ทำให้เกิดความล่าช้า คือ "กฎเกณฑ์ กฎหมาย บุุคลากรไม่เพียงพอ" ทำให้ผู้กระทำผิด" โนสนโนแคร์" ที่จะกระทำผิด

 

ล่าสุด ทีดีอาร์ไอ ได้ทำการศึกษาปัญหาต่างๆ ที่ทำให้จัดการผู้กระทำผิดไม่ได้ดังควรที่จะเป็น โดยเสนอสางปัญหากฎหมายตลาดทุนด้วย 3 มาตรการ พร้อมกับเชื่อว่า สามารถลดต้นทุนค่าเสียโอกาสได้ถึง 943 ล้านบาทต่อปี โดยดร.กิรติพงศ์ แนวมาลี หัวหน้าโครงการกิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยผลการศึกษาวิเคราะห์ ทบทวนกฎระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวกับการอนุญาตที่ไม่จำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจในตลาดทุนไทย (กิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน) ว่า ทีดีอาร์ไอได้ใช้เวลาศึกษา 2 ปี โดยให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมทั้งทบทวนปัญหาการปฏิบัติตามกฎหมายด้านตลาดทุน ทั้งสิ้น 138 เรื่อง 332 กระบวนงานแบ่งได้ดังนี้

กระบวนงานในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 71 กระบวนงาน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) 53 กระบวนงาน สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) 2 กระบวนงาน สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA) 23 กระบวนงาน บริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) 105 กระบวนงาน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) 16 กระบวนงาน สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) 7 กระบวนงาน และหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาชิก FETCO 55 กระบวนงาน

ดร.กิรติพงศ์ ยังยกตัวอย่างจากข้อเสนอ 3 มาตรการยกระดับความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย ได้แก่ 1.มาตรการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน เช่น การส่งนัดประชุมผู้ถือหุ้น ที่ควรปรับให้การส่งหนังสือเชิญประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางหลักจากเดิมที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นก่อน ความซ้ำซ้อนการยืนยันตัวตน KYC ให้สามารถดำเนินการเพียงครั้งเดียวผ่านระบบกลาง เช่น NDID หรือระบบอื่นๆ และสามารถใช้ได้กับทุก บล. และ บลจ. และการติดและตรวจสอบอาการแสตมป์บนหนังสือมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น เสนอว่าควรยกเลิกการติดอากรแสตมป์กรณีดังกล่าว

ส่วนการขาดเครื่องมือในการกำกับสำนักงานสอบบัญชีตลาดทุนนั้น เสนอให้แก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ เพิ่มโทษปรับเป็นพินัย โดยให้อำนาจสำนักงาน ก.ล.ต. ปรับเป็นพินัยสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งค่าปรับสูงสุดต้องเพียงพอที่จะป้องกันการกระทำความผิด พร้อมออกแนวทางลงโทษผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชี รวมถึงแก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ให้สำนักงานสอบบัญชีต้องขึ้นทะเบียนเป็นสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุนกับสำนักงาน ก.ล.ต.ด้วย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการพัฒนาปรับปรุงกลไกการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินคดีและปรับปรุงบทลงโทษให้รุนแรงเพียงพอสำหรับการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันไม่เป็นธรรม (Market Misconduct) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนด้วย

2. มาตรการเพิ่มความสะดวกและความเชื่อมั่นตลาดตราสารหนี้ เช่น ข้อจำกัดการโอน Scripless Saving Bond ระหว่างธนาคาร โดยเสนอให้แก้ไขหนังสือชี้ชวนให้สามารถโอนได้ การกำหนดให้ใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน แก้ไขระเบียบหน่วยงานผู้รับหลักประกันให้รองรับการใช้พันธบัตรไร้ใบตราสารเป็นหลักประกันได้ การขาดมาตรการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยในหุ้นกู้คราวฟันดิงก์ ควรกำหนดให้ผู้ให้บริการคราวฟันดิง ต้องอำนวยความสะดวกและตั้งกองทุน การกำกับดูแลระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ออกและเสนอขายในและต่างประเทศ เสนอให้ สำนักงาน ก.ล.ต. สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการให้ข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางโดยเฉพาะการขายผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่แตกต่างจากของไทย เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูลความเสี่ยงแท้จริง

3. มาตรการการพัฒนากลไกการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำผิดคดีหลักทรัพย์ เช่น ปรับภูมิทัศน์ตลาดทุนด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม Class Action โดยเปิดให้มีองค์กรซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางได้เข้ามาดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย การกำหนดแรงจูงใจของทนายความที่เหมาะสม การสนับสนุนด้านการเงิน การจัดการ ด้านความช่วยเหลือทางกฎหมาย และปรับกระบวนการทางศาลให้มีความกระชับเท่าที่จำเป็นและเป็นธรรมต่อคู่ความ

ดร.กิรติพงศ์ ระบุด้วยว่า ในจำนวนข้อเสนอทั้งหมดมี 22 เรื่องที่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอต่อการประเมินเป็นต้นทุนได้ ซึ่งพบว่าหากมีการปรับปรุงตามข้อเสนอดังกล่าวจะสามารถประหยัดต้นทุนได้อย่างน้อย 96.4 ล้านบาทต่อปี จากต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง 282.9 ล้านบาทต่อปี หรือประหยัดได้ร้อยละ 34.1 และยังสามารถลดต้นทุนค่าเสียโอกาสได้ถึง 943.1 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น ร้อยละ 87.2 จากต้นทุนค่าเสียโอกาสทั้งหมด 1,081.9 ล้านบาทต่อปี

การกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของตลาดทุนไทย แม้ว่าจะมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แต่การบังคับใช้กฎหมายยังคงเป็นอุปสรรคหลัก การปรับปรุงกฎระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP