WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันพฤหัสบดี ที่ 30 มกราคม 2568 ติดต่อเรา
ศุภาลัย เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 32,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 36 โครงการ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวมมูลค่า 46,000 ล้านบาท

28 มกราคม 2568 : ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 คาดว่าจะมีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผู้ประกอบการยังคงเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาด หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงคือ การลดลงของ Supply จากบริษัทต่างๆ เปิดโครงการลดลง ที่ดินทำเลดีหายากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ให้ความสนใจในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองต่อเทรนด์สีเขียว และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และ IoT โดยมีความท้าทายที่ต้องจับตา เช่น อัตราดอกเบี้ย ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ยังคงมีโอกาสสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด โดยเฉพาะจากการลงทุนจากต่างชาติ และการขยายตัวของเมืองรอง ในทำเลศักยภาพใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตได้

ภาพรวมของบริษัทฯ ปี 2568 บมจ.ศุภาลัยได้ก้าวสู่การเป็นบริษัทข้ามชาติจากการขยายการลงทุนในประเทศออสเตรเลียในปลายปี 2567 ซึ่งถือเป็นปีสำคัญแห่งการเติบโตขยายศักยภาพในทุกมิติ ด้วยศักยภาพและความพร้อมของส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงที่สุดและหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้งที่ระดับ A ต่อเนื่อง 11 ปี สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 97,876 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 51% อีกทั้งมีทุนหรือส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 52,929 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.85 เท่า และยังสามารถสร้างกำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 ซึ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในอุตสาหกรรม แสดงถึงความมั่นคงและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

บมจ.ศุภาลัย มีแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้จะมีโครงการระหว่างพัฒนารวมเกือบ 300 โครงการ ทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันศุภาลัยได้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียแล้ว 24 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 185,500 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนของศุภาลัย 22,300 ล้านบาท โดยยอดขายในปี 2567 เติบโตจากปี 2566 สูงถึง 49% ซึ่งเป็นการเติบโตเป็นที่น่าพึงพอใจ สำหรับในปี 2568 คาดว่ายอดขายในประเทศออสเตรเลียมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้มากถึง 100% ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานรายได้ของบริษัทฯ ในต่างประเทศ

สำหรับการลงทุนในประเทศ กำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายการพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมมากถึง 30 จังหวัด โดยเพิ่มจังหวัดใหม่ ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้อย่างเกาะสมุย อีกทั้งมีการพัฒนาบ้านและคอนโดมิเนียม ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ แบบบ้านใหม่ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้า นวัตกรรมที่อยู่อาศัยรักษ์โลก ส่งมอบบ้านและการบริการที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ผลการดำเนินงานปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย แต่บริษัทฯ ก็สามารถก้าวผ่านมาได้อย่างมั่นคง ด้วยความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 41 โครงการ มูลค่ารวม 52,380 ล้านบาท มียอดขายรวม 26,743 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 37 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ, ภูมิภาค 21 โครงการ) และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ

สำหรับแผนงานปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขาย 32,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 30,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 36 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 28 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก เตรียมพบกับไฮไลต์โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ “Romantic Charm” ปักหมุดโครงการแรกบนถนนอุทยาน กับโครงการ “ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ถนนอุทยาน” มอบความทันสมัย หรูหรา ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ และทำเลใกล้เมือง ในราคา 17.9 - 40 ล้านบาท พร้อมเปิดขายในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์นี้

นายไตรเตชะกล่าวต่อไปว่า ในปีที่ผ่านมาภาคอสังหาฯยังหดตัวอยู่เล็กน้อย แต่ทางด้านจังหวัดท่องเที่ยวยังสามารถบูสขึ้นมาได้แต่จังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวก็ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นปี 2568 เราจึงจะเปิดตัวโครงการให้มากขึ้นแต่ถึงอย่างไรก็ยังน้อยกว่า 15 ปีย้อนหลัง เพราะแนวราบเปิดไม่มากแต่ก็ยังมีความต้องการ ขณะที่คอนโดยังสามารถทำยอดขายได้ดี และอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับลดลงมาก็เป็นแรกผลักดันให้ประชาชนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นเชื่อว่าคงผ่านจุดต่ำสุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว แต่ถึงกระนั้น ตนมีแนวคิดว่าหากภาครัฐยกเลิกมาตรการ LTV (Loan to value ratio) การกำหนดสัดส่วนวงเงินสินเชื่อเทียบกับมูลค่าหลักประกัน ก็จะทำให้ประชาชนซื้อบ้านได้มากขึ้น 

อสังหา ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP