18 ธันวาคม 2567 : ใกล้สู่สิ้นปี 2567 ไปทุกที นักลงทุนหลายคนเริ่มวางแผนจัดพอร์ตลงทุนเพื่อทิ้งทวนตอนรับปี 2568 อย่างเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนช่วงปลายปี 2567 ควรพิจารณาหลายๆ เรื่องให้รอบด้าน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันด้วยเช่นกัน ทั่งในเรื่องของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แนวโน้มตลาดการเงิน และเป้าหมายทางการเงินของตัวเราเอง

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกช่วงที่ผ่านมาของปี 2567 ธนาคารกลางในหลายประเทศยังคงมุ่งเน้นควบคุมเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยสูงขึ้น อาจกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดโลก ตลาดหุ้นอาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ หรือสงครามในตะวันออกกลาง ด้านค่าเงินบาท แนวโน้มอาจผันผวนตามนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ขณะที่การกำหนดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) การปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุน เช่น หุ้นในประเทศ เลือกหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ส่วนหุ้นต่างประเทศ เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโต เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด หรือ กลุ่มสุขภาพ

มาพิจารณาด้าน ตราสารหนี้ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตดี รวมถึงกองทุนรวมและ ETF ลงทุนในกองทุนที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เช่น กองทุนที่ลงทุนในดัชนีโลก ด้านสินทรัพย์เสี่ยงอย่างทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ควรมีในพอร์ต ประมาณ 5-10% ขณะที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล

ขณะเดียวกันการลงทุนตามธีม (Thematic Investing) นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในธีมที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น พลังงานสะอาด (Clean Energy) AI และเทคโนโลยี (AI & Tech Innovation) รวมถึงธีมการดูแลสุขภาพ (Healthcare & Aging Society)

อย่างไรก็ตาม เรื่องจัดการความเสี่ยงและกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันความเสี่ยง เน้นใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง เช่น Stop Loss หรือการปรับพอร์ตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ นอกจากนี้ นักลงทุนต้องมีการติดตามผลและปรับพอร์ต ด้วยการทบทวนพอร์ตทุกไตรมาสหรือตามความเหมาะสม ปรับสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ตลาด

ขณะเดียวกันภายใต้ดอกเบี้ยทั่วโลกสู่ขาลงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนใน REITs (Real Estate Investment Trusts) น่าสนใจไม่น้อย ด้วยผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 6-9%% ต่อปี แต่จะลงทุน REITs อย่างไรให้ปัง นักลงทุนต้องพิจารณาหลายเรื่องประกอบเช่นกัน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของ REITs โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง REITs อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจลดผลตอบแทน ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ REITs ในกลุ่มสำนักงานหรือศูนย์การค้าอาจฟื้นตัวในบางประเทศ แต่ยังคงมีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงาน (Work from Home) และการช้อปปิ้งออนไลน์ ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและมีความต้องการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น REITs จะได้รับประโยชน์

สำหรับ REITs ที่น่าสนใจ นักลงทุนอาจเลือกลงทุนใน REITs ที่มีแนวโน้มเติบโตดี เช่น 1. Industrial REITs: เน้นอสังหาริมทรัพย์ด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ (ได้รับประโยชน์จาก E-commerce) 2.Data Center REITs: เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและศูนย์ข้อมูล 3. Healthcare REITs: ลงทุนในโรงพยาบาลหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ 4. Retail REITs: เลือกที่อยู่ในทำเลดีและปรับตัวได้กับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค 5. Hospitality REITs: เหมาะในช่วงที่การท่องเที่ยวฟื้นตัว

ส่วนหลักการคัดเลือก REITs อาจะต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้ คือ

1. ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เลือก REITs ที่มี Dividend Yield สูงกว่า 5% แต่ควรตรวจสอบความยั่งยืนของการจ่ายปันผล

2.คุณภาพของทรัพย์สิน (Asset Quality) ทำเลที่ตั้งความสามารถในการปรับค่าเช่าอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate)

3.ฐานะการเงินดูระดับหนี้สิน (Debt-to-Equity Ratio) ว่าไม่สูงเกินไป ความสามารถในการบริหารต้นทุนดอกเบี้ย

4.แนวโน้มอุตสาหกรรม REITs ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเติบโต เช่น เทคโนโลยี โลจิสติกส์ หรือสุขภาพ

5. ทีมบริหารและประวัติการดำเนินงาน เลือกกองทุนที่บริหารโดยผู้จัดการที่มีความเชี่ยวชาญ

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน REITs เน้นลงทุนใน REITs ที่มีผลตอบแทนปันผลดีและเหมาะกับเป้าหมายการเงินของคุณ โดยใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา หากดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงในปี 2568 อาจถือ REITs ระยะยาวเพื่อรับประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์

ทั้งนี้ ยังมีสินทรัพย์ลงทุนที่น่าสนใจอีกมากมาย นักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการลงทุนช่วงปี 2568