WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
เปิดทริกทำกำไรรับ “ทรัมป์” รีเทิร์น

11 พฤศจิกายน 2567 : ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ในที่สุด “โดนัลด์ ทรัมป์” นำพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามคาด หลังจากที่ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกผันผวนกับความไม่แน่นของผลเลือกตั้งในมาหลายสัปดาห์

หลังจากนี้การลงทุนจะเปลี่ยนไป แต่จะลงทุนอย่างไรให้ปังรับ "โดนัลด์ ทรัมป์" นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด แนะนำว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งที่สิ้นสุดลงช่วยสร้างความชัดเจนให้กับตลาดการลงทุน ​โดยจะเห็นได้ว่าดัชนี S&P 500 ตอบรับในเชิงขาขึ้น ตามสถิติระยะยาวของดัชนี S&P 500​ พบว่าหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯสิ้นสุดลง ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 83% ​และหลังการเลือกตั้งในปีถัดๆ ไปจะเห็นดัชนีเป็นบวก จากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบระยะสั้นจากการที่ "ทรัมป์" ได้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง อาจเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนได้ในระยะสั้น แต่เป็นการผันผวนในขาขึ้น ด้วยบุคคลิกของนายทรัมป์ที่ค่อนข้างแข็งกร้าวในการดำเนินนโยบายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ หากพิจารณานโยบายของนายโดนัลด์ทรัพป์ที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียง มีแนวโน้มจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาขึ้น​ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% มาอยู่ที่ 20% ในอนาคตจะลดมาเหลือ 15% หากทำได้จริงช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มมากขึ้น ราคาหุ้นก็จะขึ้นตามไปด้วย​ ส่งผลให้แนวโน้มเงินทุนจะไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายตั้งกำแพงภาษี และนโยบายการกีดกันผู้อพยพของนายทรัมป์อาจช่วยให้คนอเมริกันมีรายได้และใช้จ่ายอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจได้รับการกระตุ้นและเมื่อเศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นก็จะเติบโตไปด้วยนั่นเอง

ดังนั้น เวลานี้ถือเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ​ นอกจากความชัดเจนในเรื่อง​ผลการเลือกตั้งแล้ว หากพิจารณาในแง่ของค่าเงินที่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระทบกับผลตอบแทนการลงทุนนั้น ในช่วงหลังการเลือกตั้งจะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้อีก นักลงทุนควรใช้โอกาสนี้ในการลงทุนก่อนที่ต้นทุนการลงทุนจะเพิ่มสูงขึ้นตามไป

“ข้อมูลย้อนหลังดัชนี S&P 500 ตั้งแต่ปี 2471-2559 พบว่าภายหลังการเลือกตั้ง 19 ครั้ง หรือ 83% ตลาดหุ้นมีโอกาส​ปรับเพิ่มขึ้น โดยปีที่ได้ประธานาธิบดีจากพรรค Republican ตลาดหุ้นจะมีผลตอบแทนเป็นบวก 15.30% และหากเป็นพรรค Democrat จะมีผลตอบแทนเป็นบวก 7.6% แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล้วนมีโจทย์ในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต และชาวอเมริกันมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นภาพในระยะยาวจึงไม่ต่างกันมาก แต่อาจจะต่างกันที่นโยบาย และไม่ว่าจะเป็นใคร สุดท้ายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็จะทำ all time high ได้เสมอ” นายตราวุทธิ์ กล่าว

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า การกระจายความเสี่ยงยังคงมีความสำคัญ โดย Ben Dunn หัวหน้าฝ่าย และ Michael Sun ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนลูกค้า ด้านกลยุทธ์เชิงปริมาณ Eastspring Singapore ระบุว่า การคาดการณ์ตลาดจากปัจจัยระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือด้านอื่นๆ เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง แม้ว่าการเลือกตั้งสหรัฐฯจะมีผลกระทบในระยะสั้น แต่มุมมองต่อหุ้นนั้นมีความละเอียดอ่อนกว่าที่ข่าวพาดหัวจะสื่อสารออกมาได้

การตัดสินใจลงทุนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวและตระหนักว่าความไม่แน่นอนอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งนี้ ทีมกลยุทธ์เชิงปริมาณของเราที่มีประสบการณ์มากกว่าสองทศวรรษได้นำแนวคิดทางการเมืองมาประยุกต์ใช้กับเครื่องมือ Multi-Factor Lens แบบเฉพาะของเรา เพื่อสังเกตการแสดงผลของแต่ละปัจจัยที่สร้างค่าอัลฟาในตลาดเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น

โดยในช่วงหกเดือนก่อนและหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 และ 2020 ภายใต้การครองอำนาจของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งปี 2016 พบว่าปัจจัย Value, Low Idiosyncratic Volatility และ Quality (แม้จะมีช่วงเวลาที่ส่งผลช้า) แสดงผลได้ดีกว่า ในขณะที่ปัจจัย Sentiment และ Momentum ให้ผลที่ย่ำแย่กว่า ในทางตรงกันข้าม ในปี 2020 ภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตและรัฐบาลที่มีการแบ่งขั้วอำนาจกัน พบว่าปัจจัย Sentiment กลับแสดงผลได้ดีมาก ตามมาด้วยปัจจัย Value, Momentum และ Low Idiosyncratic Volatility ขณะที่ปัจจัย Quality กลับมีผลรองลงมา

การกระจายความเสี่ยงและความแข็งแกร่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน ข้อมูลที่สะสมมายาวนานกว่า 20 ปีแสดงให้เห็นว่าแนวทางการลงทุนแบบผสมผสานหลายปัจจัย (multi-factor approach) ที่ใช้แหล่งที่มาของค่าอัลฟ่าหลากหลาย สามารถสร้างค่าอัลฟาที่มั่นคงและแข็งแกร่งให้กับผู้ลงทุนได้

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP