2 ตุลาคม 2567 : “หมูเด้ง” ยังฟีเวอร์ไม่หยุด ส่วนหุ้นไทยสัปดาห็นี้ก็มีลุ้นเด้งตาม เพราะสัปดาห์นี้ให้จับตาเม็ดเงินก้อนใหญ่จากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU 1) ให้ดี หลังจากเริ่มนับหนึ่งทยอยเข้าลุยหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป หลังปิดการจองขายหน่วยลงทุน VAYU 1 ทุกกลุ่มทั้งนักลงทุนรายย่อยทั่วไปและนักลงทุนกลุ่มสถาบันเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27ก.ย.67) เรียบร้อยแล้ว โดยปลัดกระทรวงการคลัง “ลวรณ แสงสนิท” ออกมาเปิดตัวเลขยอดจองซื้อหน่วยลงทุนVAYU 1 ว่ามียอดรวมพุ่งกว่า 190,000 ล้านบาท ทะลุกรอบเป้าหมายที่ 150,000ล้านบาท ไปค่อนข้างมาก

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุน จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ถึงกับประเมินว่า เงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ที่จะเริ่มทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 นี้ จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยเพราะเม็ดเงินลงทุน 1.5แสนล้านบาทจะเข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสบวกได้ถึง 90-180 จุดเลยทีเดียว พร้อมกับมองหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากเม็ดเงินดังกล่าว อย่างกลุ่มที่กองทุนวายุภักษ์ หนึ่งเดิมเคยถืออยู่ เช่น กลุ่มพลังงาน เน้น PTT-BCP กลุ่มธนาคาร เน้น SCB-KTB-TTB กลุ่มขนส่ง เน้น AOT กลุ่มสื่อสาร เน้น ADVANC กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่มที่สองเป็นหุ้นกลุ่มESG RATINGS ระดับ "AAA" อย่างกลุ่มค้าปลีก เน้นCPALL-CPAXT กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เน้น WHA -AMATA

หากเงินก้อนใหญ่วายุภักษ์ฯสามารถดันดัชนีได้เพิ่มขึ้นถึง 90-180จุด นับเป็นเรื่องดีกับตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก เป็นผลดีกับนักทุนให้กลับมามีความหวังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีภายใต้เกณฑ์เงื่อนไขลงทุนใหม่ที่จูงใจให้เข้ามาลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดเงินตลาดทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากค่าเงินบาทในปัจจุบัน แข็งค่าเร็วจนน่าตกใจ สัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือน คงต้องมาลุ้นกันต่อในสัปดาห์นี้ ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าไปอีกแค่ไหน พร้อมกับไฮไลท์สำคัญ คือการนัดหารือเรื่องกรอบเงินเฟ้อทั่วไป ค่าเงินบาท ฯลฯ ระหว่างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท ) "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ " กับ "พิชัย ชุณหวชิร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้

ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ (30 ก.ย.-4 ต.ค.) ไว้ที่ระดับ 32.10-32.70 บาทต่อดอลลาร์ จากวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. 67 ปิดตลาดที่ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าทะลุแนว 33.00 และ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือนที่ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. 2565) โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นตามภาพรวมของสกุลเงินในเอเชีย นำโดย เงินหยวนที่ได้รับอานิสงส์จากความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่ไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ สวนทาง Sentiment ของเงินดอลลาร์ ที่ยังอ่อนแอต่อเนื่องท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะข้างหน้า (โดยตลาดประเมินว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 0.25% (25 basis points) ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป)

เรายังคงต้องลุ่นกันต่อไปว่าเงินบาทจะไปทำสถิติการแข็งค่าที่ระดับใด แต่ใดๆ นั้นสัปดาห์นี้มีลุ้นดัชนีหุ้นไทยจะเด้งแข่ง "หมูเด้ง" หรือเปล่า?