5 กันยายน 2567 : สมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย จัดงานเสวนา CEO TALK ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “รถยนต์ไฟฟ้าและประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โอกาสและความท้าทาย เพื่อก้าวสู่จุดหมายร่วมกัน” เปิดโอกาสให้ผู้บริหารในธุรกิจประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับฟังวิสัยทัศน์อย่างใกล้ชิดถึงกรณีศึกษาจากประสบการณ์จริงของผู้นำองค์กรเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ EV กับอนาคตรถไฟฟ้าในไทย
โดยได้รับเกียรติจาก นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. นายวาสิต ล่ำซำ กรรการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ นายสุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
นายวาสิต ล่ำซำ กรรการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ในเรื่องความคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้า EV ข้อกังวลสำหรับบริษัทประกันภัยมีดังนี้ ประเด็นแรก ขณะนี้รถยนต์ไฟฟ้าต้องเข้าศูนย์ทั้งหมด ต่างจากรถน้ำมันที่สามารถซ่อมได้หลากหลายศูนย์ซ่อมกว่า และเมื่อรถเกิดเหตุไม่ว่าจะกระทบถึงแบตเตอรี่หรือไม่ถึงก็ตาม ทางศูนย์บริการที่ไม่เน้นซ่อมแต่เน้นเปลี่ยนแบตเตอรี่ จึงส่งผลให้มูลค่าสินไหมทดแทนสูงมาก ยกตัวอย่าง รถไปชนกับขอบฟุตบาทถนนเพียงนิดเดียว ถึงขนาดต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งลูกเพื่อความสบายใจของลูกค้า เป็นต้น ต่อเรื่องดังกล่าวทางผู้จำหน่ายรถยนต์และบริษัทประกันภัยจึงต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
ประเด็นที่สอง ความกังวลด้านการซ่อม จำนวนรายที่เกิดเหตุของรถไฟฟ้าอาจจะไม่เยอะ แต่ถึงแม้ว่าจะเข้าซ่อมแบบธรรมดา แต่ราคาอะไหล่ก็สูงจนน่าแปลกใจซึ่งก็เกิดขึ้นแล้ว หรือบางเคสต้องถึงขนาดเคลมเสียหายแบบสิ้นเชิง ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าผู้ขับขี่รถยนต์อยากจะให้เกิดขึ้นกับรถของตนเอง ดังนั้น ในมุมของประกันภัย รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นความเสี่ยงอุบัติใหม่ ยังไม่มีสถิติที่เพียงพอรองรับ ธุรกิจจึงต้องเรียนรู้ทั้งการรับประกันภัย การจัดการสินไหม และการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงในปัจจุบัน
โดยสรุปแล้วธุรกิจประกันภัยต้องทำงานบนพื้นฐานของข้อมูล ยังไม่ควรรีบรับประกันภัยเพื่อให้ได้ market share ในระยะแรก เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง จึงมีทั้งโอกาสและความท้าทายมาด้วยกันเสมอ ควรต้องคิดพิจารณาอย่างถ่วนถี่
นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ตอนนี้กรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้าเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มีการกำหนดให้ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ ส่วนกรมธรรม์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่นจะทยอยตามมา ซึ่งกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าถูกจัดทำขึ้นเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นการเฉพาะ โดยอ้างอิงจากกรมธรรม์รถยนต์ที่มีอยู่เดิม การทำความเข้าใจและสื่อสารกับผู้เอาประกันภัยจะได้ง่าย จุดที่เน้นคือผู้ขายต้องอธิบายรายละเอียดในกรมธรรม์ให้ครบถ้วนว่าทำไมจะต้องระบุชื่อผู้ขับขี่
สำหรับทางด้านรถยนต์สันดาปก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน ทางคปภ.จะกำหนดให้ผู้ทำประกันระบุชื่อผู้ขับขี่ โดยคาดว่าจะเริ่มปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
นายสุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยขณะนี้มีประมาณ 140,000 คัน แต่จุดชาร์จมีอยู่ประมาณ 5,000 จุด จึงถือเป็นอุปสรรคในการเติบโต ผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าในเมืองเป็นหลักอาจจะไม่มีความยากลำบากต่อการใช้รถมากนัก เนื่องจากส่วนหนึ่งมีการติดตั้งที่ชาร์จไว้ที่บ้าน แต่สำหรับการเดินทางต่างจังหวัดจะต้องมีการวางแผนให้ดีก่อนออกเดินทาง เพราะจุดชาร์จยังไม่ครอบคลุม แต่ในอนาคตทางด้านปตท.มีนโยบายการขยายจุดชาร์จเพิ่มขึ้น
ส่วนประเด็นทางด้านราคารถมือสองของรถไฟฟ้านั้น ยกตัวอย่างเทียบกันระหว่างซื้อรถน้ำมัน 5 แสนบาท รถไฟฟ้าก็ราคา 5 แสนบาทเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี คนใช้รถน้ำมันจ่ายค่าน้ำมัน 8,000 บาท/เดือน ส่วนคนใช้รถไฟฟ้าสามารถเซฟค่าเติมน้ำมันได้ 8,000 บาท/เดือน เมื่อขายรถออกไป ราคารถน้ำมันอาจจะมีราคาสูงกว่า แต่ในมุมรถไฟฟ้าสามารถนำเงินที่เซฟได้ต่อเดือนไปทบกับราคารถที่ขายได้น้อยกว่าจึงคิดว่าใกล้เคียงกัน ถึงกระนั้นตนมองว่าถ้าหากประเทศไทยมีการผลิตแบตเตอรี่ทดแทนการนำเข้า ก็จะทำให้ปัญหาเรื่องราคาแบตเตอรี่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นคนก็สนใจที่จะใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคต
"นโยบายของภาครัฐนั้นวางกรอบไว้ว่าจะมีรถไฟฟ้าเข้ามาสู่ระบบประมาณ 30% ของอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย ดังนั้น ควรต้องทำความเข้าใจรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เช่น ประเด็นรถยนต์ไฟฟ้ากับเรื่องน้ำท่วมที่กลไกการทำงานแตกต่างกัน หากบริษัทใดการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดชีวิตก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี สถานีชาร์จและเทคโนโลยีในการชาร์จจะพัฒนาดีกว่าเดิมมาก อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าจะฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ" นายสุโรจน์ กล่าวสรุป