WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิ งวด 6 เดือน ปี 2567 จำนวน 1,294.6 ล้านบาท

19 กรกฎาคม 2567 : นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เป้าหมายการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ซีไอเอ็มบี ไทย เร่งเดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘Digital-led Bank with ASEAN Reach’ ‘ธนาคารอาเซียนขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล’ ด้วยจุดแข็ง ASEAN, Digitalization, Wealth, Consumer Finance, และ Sustainability

“กลยุทธ์สำคัญคือสร้าง Digital Ecosystem ยกระดับบริการในโลกยุคใหม่ ผ่านแอปพลิเคชัน CIMB THAI ล่าสุดเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเพื่อการลงทุน พร้อมเรียกดูพอร์ตการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา และลงทุนหุ้นกู้ตลาดรองได้ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ได้เปิดตัว บัญชีเงินฝากประจำ Fixed D ผลตอบแทนดี ยืดหยุ่นสูง เปิดบัญชีผ่านแอปได้ ไม่มีสมุดคู่ฝาก สอดรับกับคอนเซ็ป It's Simpler This Way! ใช้ง่าย รู้ใจกว่าเดิม บริการครบจบในแอปเดียว

นอกจากนี้ เราขยายช่องทางบริการไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ โดยจับมือกับ TrueMoney ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดช่องทางใหม่ ให้ลูกค้าสามารถลงทุนหุ้นกู้ตลาดรองได้ทุกวัน คัดสรรหุ้นกู้ดีดีมานำเสนอ สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย ผ่านแอป TrueMoney ”

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,294.6 ล้านบาท ลดลงจำนวน 74.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2566 กำไรก่อนภาษีเงินได้จำนวน 1,611.0 ล้านบาท ลดลงจำนวน 117.2 ล้านบาทหรือร้อยละ 6.8 สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน ร้อยละ 1.7 และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานร้อยละ 7.7 สุทธิกับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงร้อยละ 22.7เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และ 2566

รายได้จากการดำเนินงานปี 2567 มีจำนวน 7,038.3 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 จำนวน 118.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 การลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจำนวน 28.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 139.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.9 เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย รายได้อื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 49.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน สุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนปี 2567 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เพิ่มขึ้นจำนวน 312.0 ล้านบาทหรือร้อยละ 7.7 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายและค่าภาษีอากร สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 62.0 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ ร้อยละ 56.6

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดหกเดือนปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 2.2 ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น

วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 251.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 316.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 จากสิ้นปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 310.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 79.5 จากร้อยละ 78.9 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 สาเหตุเกิดจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างงวด 2567 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 อยู่ที่ร้อยละ 129.1 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 124.2 ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีจำนวน 59.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 20.8% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 15.5% 

 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP