WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ติดต่อเรา
ความยากลำบากของหุ้นไทย

1 กรกฎาคม 2567 : หลังจากที่กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผนึกกำลังแถลงมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ด้วยการปรับเกณฑ์เงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ด้วยการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีและลดระยะเวลาการลงทุนลง ด้วยระยะเวลาลงทุนจาก 8 ปี ลดลงเหลือ 5 ปี พร้อมเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากเดิม 100,000 บาท เป็น 300,00บาท

งานนี้ฟังแล้วดูดีไม่เบาเพราะทำให้จูงใจซื้อกองทุนเหลือเกิน... แต่หลังวันที่ประกาศมาตรการดังกล่าว หุ้นไทยตอบสนองไม่มาก ดีที่ยังไม่หยุด 1,300 จุด เหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่หวือหวา ก็มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งการเมืองในต่างประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้ ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะขนเงินไปลงทุนในตลาดอื่นเพื่อขอดูทิศทางการเลือกตั้งก่อน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นักลงทุนเองเริ่มจะเชื่อว่าการประบลดดอกเบี้ยของเฟดปีนี้น่าจะเหลือเพียงแค่ 1 ครั้ง จากที่ต่างคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น 2 ครั้งในปีนี้ ฝั่งไทยเองปัญหาการเมืองเอง ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความลังเล รวมถึงขาดความเชื่อมั่นด้าสเศรษฐกิจของไทย

โดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธานบริษัทอนันดา ดีเวลอปเม้น จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ได้เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน" คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) มองเป็นโครงการที่ดีสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้จริง อยากให้ภาครัฐสานต่อในการพัฒนา EEC อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันควรพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์อย่างจริงจัง ส่วนจะปรับเปลี่ยนเป็นคาสิโนก็เป็นอีกเรื่องที่ว่ากันไป แต่การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในการรองรับเครื่องบินทื่เดินทางมาจากประเทศต่างๆ จำนวนมาก ที่สำคัญการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก เมื่อเทียบกับการพัฒนาในส่วนอื่น

พร้อมกันนี้ สิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และต้องมี 4 R ได้แก่ R1 - Relief (การบรรเทา) อยากให้ภาครัฐบรรเทาให้ถูกจุด ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ควรช่วยเหลือ กรณีการแจกเงินดิจิทัล ก็ต้องแจกเงินให้ตรงจุดเช่นกัน R2 - Recover (การฟื้นตัว) ต้องมีการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน R3 -Restructure (ปรับโครงสร้างใหม่) และ R4 - Reform (การปฏิรูป) หากยึดใน 4R นี้จะช่วยให้เศรษฐกิจโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ทางด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ภาครัฐจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบระยะยาว มากกว่ามาตรการระยะสั้น เพราะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยสร้างท่าเรือสินค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากมีหลายบริษัทต้องการหาท่าเรือสินค้าใกล้กับประเทศอินเดีย ที่ขณะนี้กำลังเติบโตอย่างมาก

ขณะที่ตลาดทุนไทย สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดทุนไทยกลับมาเติบโตได้ หัวใจสำคัญ คือ เรื่องความเชื่อมั่น ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมีความไม่แน่ใจต่อเศรษฐกิจไทย หากภาพเศรษฐกิจไทยปรับตัวขึ้นในทางบวกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จะหนุนให้ความมั่นใจเศรษฐกิจกลับมา ขณะที่ตลาดทุนไทยจำเป็นต้องหาธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีนวัตกรรมใหม่เข้าระดมทุนในตลาดฯมากขึ้นจะช่วยดึงความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทย ตอนนี้ คือ มีการเติบโตน้อย เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีมานานถึง 30 ปี ประเทศไทยควรเร่งปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคตให้ได้มากที่สุด พรีออมกับปรับเปลี่ยนระบบข้าราชการให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องการการใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจจำเป็นต้องนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP