27 พฤษภาคม 2567 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.30-36.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.68 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.85-36.75 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน และผันผวนตามราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เมื่อวันที่ 30 เม.ย.- 1 พ.ค. บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดผิดหวังกับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อในระยะนี้ สะท้อนแนวโน้มที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เฟดหารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วย นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดตอบรับอย่างจำกัดต่อมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,894 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 7,724 ล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับเงินเฟ้อ PCE เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯรวมถึงการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดสาขานิวยอร์ค ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ CPI เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ว่าเงินเฟ้อจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะต้องเห็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ย่อตัวลงเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย ยกเว้นว่าการจ้างงานจะชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่สัญญาตลาดล่วงหน้าสะท้อนว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ในภาวะเช่นนี้ เราประเมินว่าในระยะสั้นค่าเงินอาจแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อรอประเด็นชี้นำใหม่
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.ขยายตัว 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.3% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.64 พันล้านดอลลาร์ ทางด้านสภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 67 เหลือเติบโต 2.0-3.0% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.2-3.2% แม้เศรษฐกิจไตรมาสแรกเติบโต 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อนึ่ง เรามองว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ตลอดปีนี้ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไม่ได้เปลี่ยนไปจากมุมมองของกนง.อย่างมีนัยสำคัญ