25 เมษายน 2567 : คุณสุชาวดี แสงอนงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) (KRUNGTHAI PANICH INSURANCE : KPI) กล่าวว่า ตนเองนับเป็นผู้หนึ่งที่คร่ำหวอดในวงการประกันภัยมากว่า 20 ปี ทุกวันนี้ด้วยธุรกิจประกันภัยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้น เมื่อมองย้อนไปดูบริษัทฯ ที่มีอายุกว่า 70 ปี ลูกค้าก็มีหลากหลายเจนเนอเรชั่น ดังนั้น แนวทางของเคพีไอในอนาคตจะทำอย่างไรให้องค์กรสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
จากจุดแข็งของบริษัทฯที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน ตัวแทนนายหน้า แต่วันนี้จะต้องก้าวเพิ่มและเสริมการบริการไปในแนวทางของกลุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ มากขึ้น จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพราะฉะนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนขององค์กรครั้งสำคัญ
โดยเรื่องแรกที่เริ่มดำเนินการ คือ การปรับภาพลักษณ์องค์กร (Refreshment) สู่คนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นให้บริษัทมีความทันสมัย แบรนด์ สดชื่น สดใส เข้าถึงง่าย จึงมีการปรับแพลตฟอร์มทุกด้านของบริษัทฯ เบื้องต้นปรับสีพื้นหลังนามบัตรให้เป็นลักษณะกลมๆ ดูสบายตามากขึ้น
ดังนั้น ปีนี้จะเป็นการปรับช่องทางสื่อสารต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ทั้งอินทราเน็ตภายในองค์กร หรือเว็ปไซด์ โมบายแอปพลิเคชัน (mobile application) ฯลฯ อย่างเต็มรูปแบบ ขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้ว
เรื่องที่ 2 มุ่งพัฒนาศักยภาพของพนักงานภายในอย่างต่อเนื่อง เพราะคนคือ บริการ ไม่ว่าจะเป็นการคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ การเข้าใจ เข้าถึงลูกค้าเพื่อตอบโจทย์บริการที่เป็นเลิศ ล้วนเป็นกุญแจหลักในปีนี้ โดยไม่ได้พัฒนาเพียงแค่ปีเดียวแต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลในระยะยาว
เรื่องที่ 3 พัฒนาเทคโนโลยี ระบบสารสนเทศ เพื่อสร้างการบริการที่ดีและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงใจต่อลูกค้าและประชาชน ยังไปสู่ความมั่นคงขององค์กรอย่างต่อเนื่อง
"เคพีไอ อาจจะไม่ใช่องค์กรที่วางเป้าหมายไว้ขนาดใหญ่ แต่จะเติบโตอย่างระมัดระวังมีผลตอบแทนและผลกำไรที่ตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้ใช้เวลา 1-2 ปี แต่ต้องใช้การวางแผน 3-4 ปีขั้นต่ำถึงจะเห็นการผลิดอกออกผล" คุณสุชาวดี กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,300 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันรถยนต์ 60% Non-motor 40% โดยปีนี้บริษัทฯ สามารถก้าวข้ามบริษัทขนาดกลางมาสู่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ภายใต้มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้แล้ว แต่สำหรับทางด้านผลกำไรมีการลดทอนลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย สาเหตุมาจากภายหลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้น อัตราสินไหมทดแทนของการประกันภัยรถยนต์ก็ดีดกลับมาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สูงกว่าปี 2565 รวมถึงการได้รับผลกระทบจากสินไหมทดแทนด้านการประกันภัยสุขภาพร่วมด้วย จากผลกระทบทั้งประกันรถยนต์และประกันสุขภาพจึงทำให้ผลกำไรลดน้อยลงไป
ดังนั้น เป้าหมายของเบี้ยประกันรับปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวเท่าเดิมคือ 5,300 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้รู้ใจปรับเป็นบริษัทประกันภัย จากเดิมที่เป็นโบรกเกอร์ส่งเบี้ยประกันรถยนต์ให้เคพีไอ ทำให้งานส่วนนี้หายไปประมาณ 900-1,000 ล้านบาท ปีนี้บริษัทฯ จึงต้องขยายงานด้านอื่นๆ ชดเชยจากเบี้ยประกันที่หายไป รวมไปถึงเร่งหาพาร์ทเนอร์ด้านประกันสุขภาพ เพื่อขยายตลาดประกันสุขภาพในระยะยาวอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการศึกษาการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า EV เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยไม่มุ่งเน้นแข่งขันด้านราคาแต่จะให้ความสำคัญด้านการบริการมากกว่า
ปัจจุบันสัดส่วนการตลาดจะมาจากช่องทาง ธนาคารกรุงไทย 25% และอีก 75% มาจากช่องทางตัวแทน-เอเจนท์ โบรกเกอร์ โดยบริษัทฯ จะมุ่งขยายงานออกไปสู่ภายนอกเพิ่มมากขึ้นด้วย ยกตัวอย่าง ประกันรถยนต์ กรณีรถยนต์ใหม่-ป้ายแดง ที่มีการันตีจากโรงงานให้ลูกค้า 1 แสนกิโลกเมตร เมื่อครบระยะแล้ว ลูกค้ายังอยากได้ความต้องความคุ้มครองอยู่ ก็สามารถซื้อประกันการการันตีต่อได้ โดยมีให้เลือกแบบ 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากเจ้าของรถเป็นอย่างดี จนส่งผลให้บริษัทฯ มีเบี้ยรับจากแบบประกันการันตีเพิ่มเข้ามา 500 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และคาดหวังว่าจะปรับประกันแบบนี้ให้เป็นหลักของเคพีไอต่อไปในอนาคต
#เคพีไอ #kpi #กรุงไทยพานิชประกันภัย