กรุงเทพฯ 9 มกราคม 2560 : ซัมซุงลุยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านปี 2560 เผลกลยุทธ์จับ 4 เทรนด์หลัก “ครอบครัวเมือง-ดิจิทัล-พลังหญิง-รักสุขภาพ” พร้อมเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านล่าสุด ภายใต้แนวคิด “Innovation that cares” นวัตกรรมที่พัฒนาจากการรับฟังเสียงผู้บริโภค พร้อมทัพผลิตภัณฑ์รวม 83 รายการ ติดอาวุธใหม่ช้อปปิ้งออนไลน์และแคมเปญการตลาดแบบจัดหนักตลอดปี
นางวรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2560 นี้ ซัมซุงมองเห็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย 4 เทรนด์ด้วยกัน คือ 1) การเติบโตของเขตเมือง ประชากรในต่างจังหวัดย้ายเข้ามาอยู่ในเขตเมืองมากขึ้น รวมถึงขนาดครอบครัวในเขตเมืองที่เล็กลง จึงส่งผลให้ที่พักอาศัยในเขตเมืองที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ และทาวน์เฮ้าส์ ขยายตัว
2) การเสพสื่อดิจิทัลและนักช้อปปิ้งออนไลน์ (Shopper 4.0) ข้อมูลล่าสุดพบว่าผู้บริโภคใช้เวลาในโลกออนไลน์มากที่สุดถึง 4.2 ชั่วโมงต่อวัน โดยใช้เวลาเสพข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่ตื่นนอนถึงเข้านอนมากกว่าสื่ออื่นๆ เกือบทุกช่วงเวลา รองลงมาคือการดูโทรทัศน์ 2.6 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีช่วงเช้าหลังตื่นนอน และช่วงอาหารมื้อเย็นเป็นต้นไปที่ผู้บริโภคมักจะรับชมโทรทัศน์ไปพร้อมๆ กับการใช้โมบายล์ดีไวซ์ในการแชท เล่นเกม รวมไปถึงการค้นหาข้อมูลสินค้าและช้อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย โดยสัดส่วนในการช้อปปิ้งออนไลน์ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายคิดเป็น 74% และ 26% ตามลำดับ[1] โดยสินค้าอิเลคโทรนิคส์เป็นประเภทสินค้าที่มีการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสินค้าแฟชั่น
3) พลังของผู้หญิงยุคใหม่ที่มีทั้งอำนาจในการตัดสินใจ และอำนาจซื้อ จากผลการสำรวจปี 2558 พบว่าผู้หญิงไทย 33.6% มีส่วนในการรับผิดชอบและตัดสินใจเรื่องภายในบ้าน และผู้หญิงไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับปี 2553[2] ทำให้ผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนตลาดในปัจจุบัน
และ 4) เทรนด์รักสุขภาพ จากการที่คนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ส่งผลให้ประชากรไทยมีอายุเฉลี่ยยาวนานขึ้น และภายในปี 2561 คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรสูงวัยในสัดส่วน 18% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรวัยเด็กซึ่งมีเพียง 17% โดยภายในปี 2565 ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอันดับ 3 ในทวีปเอเชียรองจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์[3]”
“ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงคิดค้นนวัตกรรม รวมทั้งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารเพื่อตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ด้านผลิตภัณฑ์ ที่ซัมซุงมีนโยบายการออกแบบคิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่าย และอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนทำงาน กลุ่มผู้หญิง และกลุ่มคนรักสุขภาพ ปีนี้ ซัมซุงเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านรุ่นใหม่ทั้งสิ้น 83 รุ่น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและดีไซน์ที่ปฏิวัติวงการ ด้านการสื่อสาร นอกจากจะทำการสื่อสารอย่างครอบคลุม 360 องศาแล้ว ปีนี้จะโฟกัสช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
โดยจะเพิ่มการสื่อสารและแนะนำสินค้าผ่านสื่อดิจิทัลหลักทั้ง Google Facebook และ LINE รวมทั้งการปรับใช้เครื่องมือ iBeacon ที่เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณแจ้งข้อมูลข่าวสาร หรือคูปองสิทธิพิเศษหรือการลดราคาเมื่อลูกค้าเดินผ่านหน้าช็อปซัมซุง นอกจากนี้จะให้ความสำคัญในการศึกษาช่องทางที่ผู้บริโภคใช้หาข้อมูลสินค้าประกอบการตัดสินใจซื้อและช่องทางที่ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพื่อทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งยังเตรียมปรับเนื้อหาในการสื่อสารใหม่ โดยลดการใช้ศัพท์ทางเทคนิคลง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงและเข้าใจผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงและผู้สูงอายุ ทั้งยังเน้นช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่รวมถึงกลุ่มผู้หญิงที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์สูง”
ด้านบริการหลังการขาย มีการปรับปรุงและขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า ผ่านแอพพลิเคชัน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าซัมซุง ด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์หรือ CRM จะมีการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ซัมซุง อัลติเมท (Samsung Ultimate) หรือโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าซัมซุง ซึ่งในปีนี้ซัมซุงเตรียม สิทธิพิเศษดีๆ เพื่อสมาชิกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกอีก 100% ” นางวรรณากล่าวเสริม
ด้านนางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง เพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์จากการฟังเสียงของผู้บริโภค เพื่อมอบการดูแลที่ดีที่สุด ภายใต้แนวคิด ‘Innovation that Cares’ ในปีนี้ซัมซุงภูมิใจนำเสนอ เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ซัมซุง อินเวอร์เตอร์ วินด์ฟรี (Samsung Inverter Wind-Free™) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเฉพาะของซัมซุงที่คงอุณหภูมิความเย็นในห้องโดยไม่มีลมกระทบตัว ที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว (Indirect cooling) และใช้เทคโนโลยีใหม่ ดิจิตอล อินเวอร์เตอร์ 8-Pole ด้วยมอเตอร์ที่หมุนเร็วกว่า ทำความเย็นได้เร็วขึ้น และช่วยประหยัดไฟมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์รุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็น PowerBot รุ่น VR9300 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่สามารถเพิ่มพลังดูดได้มากถึง 40 วัตต์ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อ WiFi ทำให้สามารถควบคุมเครื่องดูดฝุ่นได้แม้ไม่อยู่บ้าน ผ่านแอพพลิเคชัน
พร้อมกันนี้ สำหรับ ซัมซุง แอดวอช (Samsung AddWash) เครื่องซักผ้าฝาหน้าพร้อมช่องเติมผ้าระหว่างซักที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ขยายไลน์อัพเพิ่มขึ้นเพื่อครอบคลุมทุกความต้องการ โดยเพิ่มฟังก์ชันการอบผ้าไปด้วยในตัว ซึ่งมั่นใจว่าและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากคนไทยยุคใหม่อย่างเช่นเคย ส่วน ตู้เย็นซัมซุง ทวิน คูลลิ่ง พลัส (Samsung Twin Cooling PlusTM) นวัตกรรมความเย็น 2 ระบบในตู้เย็น 2 ประตูรุ่นใหม่จะมาพร้อมดีไซน์ใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้เพื่อช่วยให้ทุกครอบครัวได้รับประทานผักผลไม้ที่สดอร่อยอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์ตู้เย็นในปีนี้จะมีให้เลือกหลากหลายขึ้นทั้งในด้านฟังก์ชันและดีไซน์ นอกจากนี้ซัมซุงยังใช้กลยุทธ์ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง ‘แบล็ค สแตนเลส ซีรีส์’ เน้นดีไซน์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้สวยงาม สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านได้”
“ซัมซุงยังคงสร้างความแข็งแกร่งกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และคู่ค้ากว่า 1,000 ร้าน และสำหรับหน้าร้าน ซัมซุงมีแผนการปรับโฉมตามแนวคิด ‘Samsung Open House’ ซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศให้เหมือนอยู่ที่บ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศและประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง โดย ตั้งเป้าปรับโฉมในปีนี้ทั้งหมด 10 ร้าน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 10 ร้าน ด้านโปรโมชัน ซัมซุงเตรียมแคมเปญโปรโมชันใหญ่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในไตรมาสแรก จะเน้นซัมเมอร์ โปรโมชัน ที่ให้ส่วนลดพิเศษมากมาย” นางสาวเสาวณีย์กล่าวเพิ่มเติม
“ด้วยนวัตกรรมและกลยุทธ์ทางการตลาด 360 องศา ประกอบกับงบการตลาดที่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซัมซุงมั่นใจว่าจะครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้เป็นปีที่ 9 ติดต่อกันอย่างแน่นอน” นางสาวเสาวณีย์กล่าวสรุป