5 มีนาคม 2567 : นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยความสำเร็จการดำเนินงานของปี 2566 ธนชาตประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,550 ล้านบาท เติบโต 12% มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์เติบโตสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาด อีกทั้งยังคงฐานะความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของเงินกองทุนที่ 537.9% มีสินทรัพย์รวม 18,774 ล้านบาท และประสบความสำเร็จอย่างมากกับการให้บริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของบริษัทฯ โดยล่าสุดมีลูกค้าใช้บริการกว่า 7 แสนคน และยังคงมาตรฐานการให้บริการโดยได้รับความพึงพอใจจากลูกค้า(Net Promoter Score-NPS) ที่ 65.27% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมประกันภัยระดับสากล
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 ธนชาตประกันภัย ตั้งเป้าหมายเติบโตเบี้ยประกันภัยรับรวม 10% หรือประมาณ 12,700 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมตามที่สมาคมประกันวินาศภัยได้ประมาณการไว้ที่ 5% โดยมีเป้าหมายเติบโตขึ้นเป็นบริษัทประกันภัย 1 ใน 3 ของตลาดประกันภัยรถยนต์ภายในปี 2570 โดยคาดว่าด้านเบี้ยประกันรับรวมจะต้องมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 30% หรือต้องมีเบี้ยรับที่ 30,000 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การเสาะหาและตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด การส่งมอบความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า คู่ค้า ในบริบทที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอันเป็นผลจากการเติบโตด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการส่งมอบประสบการณ์งานบริการตามมาตรฐานของธนชาตประกันภัยอย่างต่อเนื่อง
การเสาะหาและตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด โดยเร่งขยายการเติบโตในทุกช่องทางขาย ทั้ง โบรกเกอร์ ดีลเลอร์ ลิสซิ่ง ธนาคาร และช่องทางขายตรงของบริษัท รวมถึงสร้างพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพและภูมิภาค พร้อมพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ รองรับการเติบโตของบริษัท
การส่งมอบความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า คู่ค้า ปีนี้ธนชาตประกันภัยมุ่งเน้นใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจ และสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ของบริษัท ได้แก่ กลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งยอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนของภาครัฐ และความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยปีนี้ตั้งเป้ามียอดรับประกันรถยนต์ EV เพิ่มเป็น 10,000 คัน ซึ่งในปี 66 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตสูงถึง 200% มีลูกค้า 5,000 กรมธรรม์ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 20%
เมื่อแยกเฉพาะประกันรถยนต์มีสัดส่วนสูงถึง 90% ของเบี้ยประกันทั้งหมด รวมลูกค้า 1.66 ล้านกรมธรรม์ ประกันรถยนต์ 1 ล้านกรมธรรม์ และกรมธรรม์ที่ไม่ใช่รถยนต์ Non-Motor 6 แสนกรมธรรม์ รวมแล้วมีลูกค้าแอ็คทีฟ 1.1 ล้านคน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอย่างสะดวกรวดเร็ว ดังนั้นจึงตั้งเป้าหมายให้ลูกค้าทั้งหมดเข้าสู่ระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 70% เป็นการส่งมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมแล้วยังได้ร่วมกับพันธมิตรพัฒนา Ecosystem ให้ครบวงจรด้วยงานบริการและสิทธิพิเศษที่ดีที่สุด
ในส่วนของกลุ่มตลาดรถบรรทุก บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา จึงตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องด้วยการขยายงานรับประกันภัยให้ครอบคลุมประเภทรถบรรทุกมากขึ้น คาดว่าจะมีบริการรถบรรทุก 130 การาจ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าอีกด้วย
และอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตอย่างมากคือ ตลาดการท่องเที่ยว ปีนี้กลับมาคึกคัก ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ธนชาตประกันภัยวางแผนรุกตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทางต่างประเทศ ที่เน้นมอบความคุ้มครองให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายของนักเดินทางแต่ละประเภท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเล็งเห็นโอกาสในตลาดประกันภัยบ้านและอัคคีภัย ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านให้ได้อุ่นใจกับความคุ้มครอง ตั้งแต่โครงสร้างของบ้าน รวมไปถึงทรัพย์สินภายในบ้านหากเกิดภัยต่างๆ อย่างครบครัน
การส่งมอบประสบการณ์งานบริการในมาตรฐานของธนชาตประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งมอบความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว ให้แก่ลูกค้า โดยในปี 2567 ลูกค้าจะได้รับรายงานสถานะการซ่อมรถยนต์ผ่านทาง Line Official Account “ธนชาตประกันภัย” เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการส่งรถเข้าซ่อมจนถึงตรวจสอบคุณภาพงานซ่อมก่อนส่งมอบรถคืนให้กับลูกค้า นับเป็นการเพิ่มศักยภาพงานบริการดิจิทัลให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ดาวน์โหลดกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ การเรียกพนักงานสำรวจเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ที่มีจำนวน 440 คนทั่วประเทศ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าโดยที่ผ่านมาจากสถิติสามารถไปถึงก่อนคู่กรณีประมาณ 82% ซึ่งปีนี้ยังมุ่งเน้นด้านการบริการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีกิจกรรมและการแลกสิทธิพิเศษต่างๆ รวมไปถึงการต่ออายุ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พัฒนารูปแบบการเคลมผ่าน Video Streaming ให้ลูกค้าสามารถจัดการงานเคลมได้ด้วยตนเองในเวลาที่ลูกค้าสะดวก โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผ่านการพูดคุยแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะตอบโจทย์คนยุคใหม่เป็นอย่างยิ่ง
“เพราะเราเชื่อว่างานบริการคือหัวใจสำคัญ ธนชาตประกันภัยจึงมุ่งมั่นที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในงานบริการให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเชื่อมั่นในแบรนด์ธนชาตประกันภัย จะเป็นแรงผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการขึ้นเป็นท็อป 3 ของตลาดประกันภัยรถยนต์ ภายในปี 2570 พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ตำแหน่งผู้นำธุรกิจประกันภัย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย” นายพีระพัฒน์ กล่าว