27 กุมภาพันธ์ 2567 : ครั้งหนึ่ง “วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์” เคยกล่าวไว้ว่า “การลงทุนเป็นเหมือน การวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น”ในภาวะการลงทุนปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตภูมิอากาศ AI ภูมิรัฐศาสตร์ และอื่น ๆ Mindset การลงทุนแบบวิ่งมาราธอน คือมองภาพระยะยาว ถือเป็นเรื่องขาดไม่ได้

บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ย้ำกับแนวทางดังกล่าวว่า การจะทำแบบนั้นได้ นักลงทุนจำเป็นต้องทำ Asset Allocation สร้างพอร์ตแบบ Multi Asset เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยง สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทุกภาวะตลาดในระยะยาว

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้องกระจายการลงทุนคือ สินทรัพย์ชนิดหนึ่งไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดตลอดไป ถ้าตามติดข่าวสารด้านการลงทุนจะเห็นได้เลยว่าสภาวะตลาดเปลี่ยนไปทุกปี เช่น ในยุคที่ดอกเบี้ยสูงในปีก่อนๆ หุ้นเติบโตไม่สามารถทำผลได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น การจัดพอร์ตแบบ Multi Asset จึงเปิดโอกาสให้ในระยะยาวเราสามารถทำผลตอบแทนได้น่าพอใจไม่ว่าสินทรัพย์ไหนจะทำผลงานได้ดีในช่วงเวลานั้น

นอกจากนี้ ภาพรวมของดอกเบี้ยที่มุ่งสู่ขาลง แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วอต่ก็เกิดขึ้นแน่นอน กองทุนรวมตลาดเงิน ถือเป็นตัวเลือกในการสร้างผลตอบแทนดีในช่วงนี้ สำหรับ 5 อันดับ กองทุนรวมตลาดเงินผลตอบแทนดี ประจำสัปดาห์ (17 - 23 ก.พ. 2567) ผลตอบแทนชนะดอกเบี้ยเงินฝากกว่า 3% ได้แก่

1. SCBFIXEDA – กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ ชนิดสะสมมูลค่า ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (เฉลี่ยต่อปี): +3.04% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน (เฉลี่ยต่อปี): +2.64%

2. KKP S-PLUS – กองทุนเปิดเคเคพี สมาร์ท พลัส ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (เฉลี่ยต่อปี): +2.86% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน (เฉลี่ยต่อปี): +3.84%

3. PRINCIPAL DPLUS-A – กองทุนเปิดพรินซิเพิล เดลี่ อินคัม พลัส A ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (เฉลี่ยต่อปี): +2.68% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน (เฉลี่ยต่อปี): +3.24%

4. KKP PLUS – กองทุนเปิดเคเคพี ตราสารหนี้พลัสผลตอบแทนย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (เฉลี่ยต่อปี): +2.61% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน (เฉลี่ยต่อปี): +2.84%

5. KFSPLUS-A – กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเพิ่มทรัพย์-สะสมมูลค่า ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (เฉลี่ยต่อปี): +2.45% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน (เฉลี่ยต่อปี)