WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
จัดพอร์ตลงการทุนปีมังกร?

4 มกราคม 2567 : ปี 2566 ผ่านไปพร้อมกับพอร์ตลงทุนของหลายคนที่ดูชอกช้ำไม่น้อย และปีนี้ ปี 2567 หลายคนก้าวข้ามปีเก่าอย่างมีความหวัง ด้วยปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนลดลง(จริงหรือเปล่า) เพื่อให้พอร์ตลงทุนยังสามารถประคองผลกำไรไปพร้อมกับธีทจัดทัพลงทุนใหม่ โดย สุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ระบุถึงธีมลงทุนปีมังกรที่นักลงทุนควรมีติดพอร์ต ประกอบด้วย

1. ตราสารหนี้ทั้งไทย และต่างประเทศจะกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดี หลังจากวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดสิ้นสุดลง โดยที่แนะนำทั้งตราสารหนี้คุณภาพสูงสหรัฐฯ และตราสารหนี้ไทยโดยเฉพาะพันธบัตรที่มี duration 2 ปี และ 10 ปี ด้านความเสี่ยงของตราสารหนี้ คือเรื่องเงินเฟ้อที่จะกลับมา หลังจากที่เฟดลดดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตาม คือการประชุมเฟดวันที่ 30-31 มกราคม และ การประชุม กนง. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เพื่อดูทิศทางและมุมมองต่อดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ทาง KAsset แนะนำให้นักลงทุนมีตราสารหนี้เป็นสัดส่วนสำคัญตามความเสี่ยงที่ท่านรับได้ เพื่อได้รับผลตอบแทนจากทั้งดอกเบี้ยและส่วนต่างราคา และเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต

2. ตลาดหุ้นไทยอาจจะมีโอกาสกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดี จาก valuation ที่ไม่แพง คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 3-3.5% ซึ่งน่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออก และ ภาคการท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัว และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ

ปัจจัยที่ต้องติดตามคือนโยบาย Digital Wallet และ การเบิกจ่ายของภาครัฐในเดือนพฤษภาคม ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนขึ้น ทาง KAsset คาดว่า ในปี 2024 กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะกลับมาขยายตัวได้ และ Valuation ในปัจจุบัน ที่ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตซึ่งสะท้อนความกังวลจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2022 ไปแล้ว

3. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงมีความน่าสนใจ และอาจให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดอื่นๆ ต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนออกมายังกำไรของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในบริษัทเทคฯขนาดใหญ่ จึงแนะนำให้ลงทุนโดยเน้นการกระจายความเสี่ยง ออกไปยังบริษัทที่กำไรมีคุณภาพ เติบโต หรือ sector ที่มีโอกาสฟื้นตัวในปีหน้า อย่างเช่น หุ้นเทคขนาดกลาง กลุ่มเทค hardware หรือเซมิคอนดักเตอร์

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามองคือ การประชุมเฟด และการประกาศผลประกอบการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/2023 โดยตลาดมองว่ากำไรน่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสสามได้อย่างต่อเนื่อง ด้านความเสี่ยงของตลาดสหรัฐฯ คือตลาดคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยถึง 6 ครั้ง เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนมีนาคม ดังนั้น หากเฟดไม่ได้ลดดอกเบี้ยตามคาด จะทำให้เกิดการปรับฐานได้ ซึ่งมองว่าจะเป็นจังหวะให้เข้าไปลงทุน

พอร์ตลงทุนปีนี้ แนะนำการจัดพอร์ตแบบ Core- Satellite แบ่งพอร์ตหลักและพอร์ตเสริม เป็นสัดส่วน 80% ในพอร์ตหลัก และ 20% ในพอร์ตเสริม และในส่วนพอร์ตหลัก เน้นการกระจายการลงทุนตามสัดส่วนหุ้นโลก ตราสารหนี้ ทองคำ และ REITS ส่วนในพอร์ตเสริม เน้นการจับจังหวะ และหาผลตอบแทน ในตลาดที่มีกำไรโดดเด่น หรือมีความเป็นวัฐจักร อย่างเช่นอินเดีย เวียดนาม หรือกระจายความเสี่ยงเช่น ธีมมาติก หรือ healthcare

ขณะที่ทางบลจ.ฟินโนมีนา เปิดมุมมองลงทุนปี 2567 ธีมลงทุนเด่น ได้แก่ ธีม 1 ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 การเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ มองว่า เงินเฟ้อที่กำลังเข้าสู่ขาลงชัดเจน (disinflation) หนุนให้สินทรัพย์ต่างๆ มีโอกาสที่จะปรับตัวได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้ ตลาดตอบรับด้วยมุมมองเชิงบวก โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายในปี 2024 เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง หลังดำเนิน นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมายาวนานกว่า 20 เดือน หนุนให้สินทรัพย์ต่างๆ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้โดย เฉพาะสินทรัพย์เสี่ยง

ธีม 2 ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 Stay Nimble โดยยังมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวแบบ Soft Landing จากข้อมูลปัจจุบันตัวเลขเงินออมส่วนเกิน และตลาดแรงงานยังอยู่ในจุดที่ดีมาก แตกต่างจากวิกฤต ในปี 2000 หรือ 2008 อย่างไรก็ดี ในครึ่งหลังของปี 2024 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นจาก

1. ผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ล่าช้า มีโอกาสถูกส่งผ่านมายังเศรษฐกิจจริงมากขึ้นๆ ทำให้ในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจมีโอกาสชะลอตัวลงมากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่ง สอดคล้องกับทฤษฎี Long and Variable Lag ของ Milton Friedman ที่ระบุว่าผลกระทบของนโยบายการ เงินต่อเศรษฐกิจอาจล่าช้าได้ 4 – 29 เดือน ดังนั้นผลจาก การขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของ Fed ในวันที่ 26 ก.ค.2566 จะส่งผ่านไปที่เศรษฐกิจจริงได้ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 - ธ.ค.2568

2. จำนวนเงินออมส่วนเกินที่ได้มากจากช่วงโควิด (excess saving) ของผู้บริโภคที่กำลังทยอยลดลง และ 3.ตำแหน่งงานเปิดใหม่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง สวนทางกับ จำนวนคนว่างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จะส่งผลให้แรงงาน หางานยากขึ้น

ธีมที่ 3 A Once-in-a-Decade Opportunity การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดในรอบ 20 ปีนั้น มิได้สร้างแต่แรงกดดันต่อภาวะการลงทุนและเศรษฐกิจ เท่านั้น แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ยังสร้าง โอกาสการลงทุนในตราสารหนี้ให้เกิดขึ้นพร้อมกัน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ส่งผลให้ ตราสารหนี้ทั้ง Public และ Private มีอัตราผลตอบแทนที่ สูง ทำให้ตราสารหนี้มีความน่าสนใจลงทุน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาโอกาสการปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น หนุนให้ตราสารหนี้ที่ ลงทุนนั้นมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจาก ราคา (capital gain) ได้อีกทาง ซึ่งจะส่งผลให้ผล ตอบแทนรวม (total return) ของตราสารหนี้สูงขึ้นตาม ลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับสถิติที่ระบุว่าเมื่อธนาคารกลาง สหรัฐฯ ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตราสารหนี้มักให้ อัตราผลตอบแทนโดยรวมเป็นบวกเสมอทั้งในกรอบเวลา 1, 3 และ 5 ปี 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP