26 ธันวาคม 2559 : นายอรุณ เรืองจรุงพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องครัวสเตนเลสสตีลและนอนสติ๊กแบรนด์ ซีกัล และจรวด เปิดเผยว่า ในปี 2559 ภาพรวมตลาดเครื่องครัวในประเทศไทยนั้น ยังมีการเติบโตโดยเฉพาะกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์นอนสติ๊ก และเป็นอีกหนึ่งปีทองของผู้บริโภค เพราะแบรนด์ต่างๆ ในตลาดต่างเดินเกมการตลาดไปในทิศทางเดียวกันโดยผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นหลัก
หากวิเคราะห์เกี่ยวกับมูลค่าตลาดรวมพบว่า ในปีนี้ตลาดมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 3-5% และด้วยการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะช่วยเข้ามาทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต ในส่วนของ ไทยสเตนเลสสตีลนั้นในปี 2559 สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนการคาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจเครื่องครัวในปี 2560 นั้น หากวิเคราะห์ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นน่าจะยังมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกันกับปี 2559 จากเทรนด์ด้านการทำอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อเครื่องครัวทำอาหารทานเองมากขึ้น อาทิ กระทะนอนสติ๊กที่ช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น อาหารไม่ติดกระทะ หรือใช้น้ำมันน้อย จึงทำให้ตลาดของกระทะนอนสติ๊กเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มเครื่องครัวสเตนเลสสตีล แม้ตลาดจะไม่หวือหวามากแต่ก็มีอัตราการเติบโตขึ้นเช่นกัน การตัดสินใจซื้อนั้นมาจากหลายปัจจัย เช่น ความสะดวกในการใช้งาน ทำความสะอาดง่ายและความทนทาน ด้านเทรนด์ช่องทางการขายในอนาคตตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ต้องจับตาการขายเครื่องครัวผ่านออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ผลิตสินค้าเครื่องครัวหันมาวางกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการขายในรูปแบบ traditional
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศ 75% และจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในต่างประเทศประมาณ 25% โดยในปี 2560 คาดว่าจะยังคงสัดส่วนยอดขายเช่นเดียวกับปี 2559 ในขณะที่บริษัทฯ ก็มุ่งพัฒนาด้านความแข็งแกร่งของช่องทางการขายในตลาดต่างประเทศที่ยังมีสัญญาณเชิงบวกให้เห็นอยู่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดในประเทศ
โดยตลาดใหม่ในต่างประเทศที่บริษัทฯ ให้ความสนใจก็คือตลาดยุโรป สำหรับแผนการเพิ่มสัดส่วนยอดขายนั้นจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ช่องทางขายเดิมเป็นหลัก และขยายโอกาสทางการขายสู่ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนมาใช้ช่องทางดังกล่าวมากขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ในปี 2560 บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินกลยุทธ์ด้าน Digital marketing ทั้งด้านคอนเทนต์ และช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยจับมือกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำเพื่อรองรับเทรนด์ช็อปปิ้งออนโลน์โดยเฉพาะ